Blog

  • นายห้างอินเดียขอขมา ลูกชายขับเก๋งชนไรเดอร์ดับ ลูกสาวผู้ตายเผยเงินเยียวยาก้อนแรก

    นายห้างอินเดียขอขมา ลูกชายขับเก๋งชนไรเดอร์ดับ เชื่อไม่ได้เจตนา ลูกสาวผู้ตายเผยจำนวนเงินเยียวยาก้อนแรก

    จากกรณี นายเสรี อายุ 31 ปี ลูกชายเจ้าของร้านขายผ้า ขับรถเก๋งไล่ชน  นายฤทธิศักดิ์ อายุ 49 ปี คนขับไรเดอร์เสียชีวิต บนถนนสุขุมวิท ในพื้นที่แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวแต่ไม่ลงเจรจา

    พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานายเสรี 2 ข้อหา ได้แก่ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ 2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ให้การใด ๆ ในชั้นพนักงานสอบสวน อ้างว่าจะขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น 

    จากนั้นเวลา 10.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินีได้ควบคุมตัวนายเสรี ส่งฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยคัดค้านการประกันตัว ในขณะควบคุมตัวผู้สื่อข่าวและพยายามสอบถาม ซึ่งผู้ต้องหาไม่ตอบสื่อได้แต่สายหัวก้มหน้า

    ต่อมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นฝากขัง นายเสรี อายุ 30 ปี ที่ก่อเหตุขับรถชน นายฤทธิศักดิ์ อายุ 49 ปี คนขับไรเดอร์เสียชีวิต ด้วยหลักทรัพย์เงินสด 6 แสนบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และให้ติดกำไล EM

    ภรรยาไรเดอร์ ลั่น คนมีเงินมันยิ่งใหญ่อยู่แล้ว แต่จะสู้ถึงที่สุด

    ด้าน นางสาวสายใจ ภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า ถ้าเป็นที่ศาลพิจารณาออกมาแล้ว ตนก็แย้งอะไรไม่ได้ ขนาดตนยื่นค้านประกันไปแล้ว ตนจะไปสู้อะไรได้ ยอมรับว่าตัวเองมีความกังวลใจแน่นอน เพราะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนมีเงินมันยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ตนก็กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและกลัวว่าคดีมันจะเปลี่ยนไปหมด เขาได้ประกันตัวออกมาแล้ว คงเดินลอยหน้าลอยตาแล้วป่านนี้

    แต่ถึงอย่างนนั้น ตนจะสู้ให้ถึงที่สุด แม้จะไม่มีทนาย ไม่มีเงิน ต้องดิ้นรน แต่เชื่อว่าถ้ามีสื่อช่วยนำเสนอข่าว ก็จะได้รับความยุติธรรม โดยเขาเองมีทุกอย่างที่จะสู้ แต่ถ้ามองเรื่องของความเป็นมนุษย์ เขาทำผิดแล้วสำนึกผิด จะมารดน้ำศพ เราก็จะปล่อยให้เขาเข้ามาได้ แต่ในใจตนไม่ขออโหสิกรรมให้

    หลังจากเกิดเหตุ เบื้องต้น มีเพียงพ่อของเขาที่ประสานเข้ามาช่วยเหลือ ตัวเขาไม่ได้พูดอะไร ขนาดในตอนเช้าที่เห็นตอนอยู่ใน สน. ลุมพินี ก็ยังเดินลอยหน้าลอยตา ตนมองว่าเจ้าตัวควรรับผิดชอบเอง ไม่ใช่ให้พ่อมารับผิดชอบแทน และก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำขอโทษจากอีกฝ่าย เพราะว่าขนาดในตอนเช้าผู้สื่อข่าวถามว่าอยากจะขอโทษหรือไม่เจ้าตัวยังไม่ตอบ เลยมองว่าถ้าหากขอโทษก็คงจะขอโทษนานแล้ว และในวันนี้ก็คิดว่าตัวของคนก่อเหตุน่าจะไม่มางานศพ คงมีเพียงแค่ครอบครัวของเขาเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม หากคู่กรณีมาจริง ก็จะคุยกับกลุ่มไรเดอร์ ขอความร่วมมือไม่อยากให้มีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้นในงาน เนื่องจากสามีตนก็ได้เสียไปแล้ว อยากให้เขาไปสบาย

    ลูกสาวไรเดอร์ เผยได้เงินเยียวยามาแล้ว 3 หมื่น

    นางสาวพัทธิกา ลูกสาวคนโตของ นายฤทธิศักดิ์ อายุ 49 ปี ไรเดอร์ที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ครอบครัวของคู่กรณีได้มีการติดต่อขอโทษและแจ้งว่าจะเข้ามาขอขมาศพคุณพ่อ ซึ่งตนก็ยินดีที่จะให้เข้ามา เพราะครอบครัวของคู่กรณีไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ส่วนคู่กรณีถ้าอยากจะเข้ามาขอขมาศพ ตนก็ยินดีเช่นกัน แต่ตนคาดว่าคู่กรณีไม่น่าจะเข้ามาเพราะมีกลุ่มไรเดอร์และมีสื่อมวลชนอยู่ที่งานศพเยอะ เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวของคู่กรณีได้มีการแจ้งว่าจะไปรับศพที่นิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย แต่พอตนบอกว่ามีสื่อมวลชนอยู่เยอะอีกฝั่งก็ไม่กล้ามาเลย

    ครอบครัวของคู่กรณีได้มีการรับปากว่าจะเยียวยาชดใช้อย่างสุดความสามารถ ทั้งค่าจัดงานศพ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งในวันนี้ก็ได้มีการโอนเงินในเบื้องต้นมาแล้ว 30,000 บาท

    ลูกสาวของผู้เสียชีวิตได้ฝากบอกคู่กรณีว่า กล้าทำก็อยากให้กล้ารับผิดชอบ ทุกคนเห็นหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ยืนยันว่าจะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

    นายห้างร้านผ้า พ่อผู้ต้องหา ขอขมาที่งานศพ

    นายคมสันต์ พ่อของผู้ต้องหา พร้อมภรรยา และทนายความ ได้เดินทางมาขอขมาศพนายฤทธิศักดิ์ โดยทันทีที่มาถึงก็ได้เข้าไปกราบขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตทันที ก่อนจะออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนสั้น ๆ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นลูกชายของตนไม่ได้เจตนา รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากเพราะผู้เสียชีวิตเป็นเสาหลักของครอบครัว

    ส่วนลูกชายของตนหลังจากที่ศาลฯ ให้ประกันตัวออกมา ตนก็ยังไม่ได้เจอหน้าและไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันเลย แต่เชื่อว่าลูกชายของตนยังอยู่ในอาการช็อก และเชื่อว่าอยากจะมาขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งตนได้มีการพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในเรื่องของการเยียวยาแล้ว และจะเป็นเจ้าภาพในการสวดอภิธรรมศพตลอด 3 คืน

     

     

     

  • เงินดิจิทัลเฟส 2 ขึ้นสถานะแบบนี้แปลว่าอะไร มีสิทธิ์ได้ 10,000 บาทไหม

    ชาวเน็ตแชร์ เงินดิจิทัลเฟส 2 ขึ้นสถานะแบบนี้แปลว่าอะไร ยังมีสิทธิ์ได้เงิน 10,000 บาท

    หลังจากที่รัฐบาลเปิดให้ตรวจสอบสิทธิ์เงินดิจิทัลเฟส 2 ผ่านแอปฯ ทางรัฐ ในวันนี้ (22 ม.ค. 68) ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป มีผู้สูงอายุที่เคยลงทะเบียนเงินดิจิทัลเฟส 2 เข้าสู่ระบบในแอปฯ ทางรัฐอย่างต่อเนื่อง และเมื่อทุกคนเข้าตรวจสอบสิทธิ์แต่ละคนก็จะได้รับข้อความแจ้งสถานะที่แตกต่างกันออกไป โดย Sanook Money ได้รวบรวมแต่ละสถานะในชาวเน็ตแชร์กันในโลกเซียลมาช่วยตีความหมายให้เข้าใจกันมากขึ้นมาฝากกัน

    s__2015244_0

    สถานะแจ้งว่า “ยินดีด้วยคุณได้รับสิทธิโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ”

    • แปลว่า ผ่านคุณสมบัติ เงื่อนไขเงินดิจิทัลเฟส 2 รับเงิน 10,000 บาท ให้รีบผูกพร้อมเพย์ภายในวันนี้ (22 ม.ค. 68) เพื่อรับเงินดิจิทัลเฟส 2 โอนเข้าบัญชีวันที่ 27 ม.ค. 68

    s__2023438

    สถานะแจ้งว่า ท่านลงทะเบียนสำเร็จ แต่ไม่เป็นผู้สูงอายุ ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ระบบ จะแจ้งผลการลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้ท่านทราบ ตามวันและเวลาที่รัฐบาลกำหนด

    • แปลว่า สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนโครงการฯ สำเร็จ ถึงขั้นตอนที่ 3 แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ ปัจจุบันกำลังตรวจสอบสิทธิ์กับหน่วยงาน

    s__2015242_0

    สถานะแจ้งว่า ปิดลงทะเบียน ขณะนี้หมดเขตการลงทะเบียนแล้ว

    • แปลว่า ไม่ได้รับสิทธิ์ เพราะไม่ได้ลงทะเบียนให้สำเร็จ ก่อนวันที 15 ก.ย. 67

    สถานะแจ้งว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่ฐและคนพิการ

    • แปลความหมายได้ 2 แบบ คือ เป็นผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน และคนพิการ ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีแล้ว และโอนเงินไม่สำเร็จ และยุติการโอนเงินเพราะสิ้นสุดโครงการฯ แล้ว

    apps

    คุณสมบัติผู้ที่จะได้สิทธิ์เงินดิจิทัลเฟส 2 มีดังนี้

    • เป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ
    • มีสัญชาติไทย และมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507) และมีคุณสมบัติเพิ่มเติม
    • ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
    • ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567
    • ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
    • ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
    • ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ

    วิธีเช็กสิทธิ์เงินดิจิทัลเฟส 2 ผ่านแอปทางรัฐ

    1. เข้าแอปฯ ทางรัฐ และกดปุ่ม ตรวจสอบสถานะ
    2. ระบบจะขออนุญาตเข้าถึงข้อมูล และ ขอยืนยันเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน ให้กดปุ่ม ยืนยันข้อมูล
    3. กรอก เบอร์โทรศัพท์ และ กดปุ่มรับรหัสทาง SMS (OTP)
    4. กรอก รหัส OTP และกดปุ่ม ยืนยันโทรศัพท์มือถือ
    5. กดปุ่ม อนุญาต ให้แอปพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และ
    6. ระบบจะแสดงผลสถานะในการรับสิทธิตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่าอยู่ในขั้นตอนใด
      • หากอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ
      • หากอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือไม่ได้รับสิทธิ
      • หากอยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือ ได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท

    อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินดิจิทัลเฟส 2

  • หวยลาววันนี้ 22 มกราคม 2568 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร

    ลุ้นสด หวยลาววันนี้ 22/01/68 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 22 มกราคม 2568 หวยลาวย้อนหลัง หวยลาว 6 ตัว วันนี้ออกอะไร งวด 22 มกราคม 2568 Laolottery หวยลาว ออกรางวัลทุก วันจันทร์ วันพุธ และ วันศุกร์

    ตรวจหวยลาวย้อนหลัง คลิกที่นี่ 

    รายงานผลหวยลาว 22 มกราคม 2568 (22/01/68) ผลหวยลาว 6 ตัวออกรางวัลดังนี้ 

    ตรวจหวยลาว งวดประจำวันที่ 22 มกราคม 2568

    เลข 6 ตัว : 774361
    เลข 5 ตัว : 74361
    เลข 4 ตัว : 4361
    เลข 3 ตัว : 361
    เลข 2 ตัว : 61

    เลขนามสัตว์

    • 29 ปลาไหล
    • 26 มังกร
    • 40 นกอินทรีย์
    • 39 ปู

    ผลสลากพัฒนา 5/45

    27 / 06 / 20 / 01 / 08

    รายละเอียดผลหวย

    เงินรางวัล

    • เลข 4 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 6,000 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 6,000,000 กีบ
    • เลข 3 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 500 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 500,000 กีบ
    • เลข 2 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 60 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 60,000 กีบ
  • รวม 13 กลิ่น “แมว” ไม่ชอบอย่างรุนแรง อย่าเอาไปใกล้เจ้านาย

    สิ่งที่แมวรังเกียจบางอย่างนั้นชัดเจนอยู่แล้ว (คุณกล้าอาบน้ำให้แมวไหม?) แต่เมื่อพูดถึงกลิ่น แมวอาจพบว่ากลิ่นบางอย่างที่เราไม่ได้สังเกตเห็นนั้นรุนแรงมาก การทำความเข้าใจว่าแมวเกลียดกลิ่นอะไรจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงได้ สร้างสภาพแวดล้อมที่น่าพึงพอใจยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าเหมียว หรือหากปลอดภัยสำหรับแมว กลิ่น “ไม่พึงประสงค์” เหล่านี้ก็อาจเป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันไม่ให้แมวเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่ต้องการ ดังนั้น แมวเกลียดกลิ่นอะไรมากที่สุด? กลิ่นทั้ง 13 นี้คือสิ่งที่แมวรังเกียจมากที่สุด

    13 กลิ่นที่แมวไม่ชอบอย่างรุนแรง

    1.กลิ่นจำพวกส้ม: เราอาจหลงใหลในกลิ่นหอมสดชื่นของเลมอน ไม้เลมอน ก्रेปฟรุต และส้ม แต่กลิ่นหอมหวานเหล่านั้นในฤดูใบไม้ผลิกลับเป็นกลิ่นที่แมวเกลียดมากที่สุด กลิ่นน้ำมันจากส้มจำพวกนี้อาจรุนแรงเกินไปสำหรับระบบรับกลิ่นที่บอบบางของแมว และอาจทำให้เกิดการระคายเคือง

    2.กลิ่นของรสจัด รสเผ็ด แมวอาจจะไม่ได้เกลียดกลิ่นอาหารรสจัดโดยธรรมชาติ แต่พริกป่น พริกชี้ฟ้า และส่วนผสมรสเผ็ดอื่นๆ มีสารแคปไซซิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้รู้สึกแสบร้อน ไม่ใช่แค่สำหรับคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแมวด้วย การสูดดมเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้แมวผงะ และเชื่อมโยงกลิ่นนั้นกับอันตรายได้

    3.น้ำมันหอมระเหย แมวกับน้ำมันหอมระเหยไม่ควรอยู่ใกล้กันเลยค่ะ ดร. กาเบรียล เดนตัน สัตวแพทย์และผู้ฝึกสัตว์เลี้ยง กล่าวว่า น้ำมันหอมระเหยเป็นพิษต่อแมว ไม่ว่าแมวจะสัมผัสกับน้ำมันเหล่านี้ทางผิวหนัง การกิน หรือการสูดดมก็ตาม น้ำมันหอมระเหยที่อันตรายต่อแมวมากที่สุดบางชนิด ได้แก่ เปปเปอร์มินต์ น้ำมันทีทรี และน้ำมันกานพลู ยูคาลิปตัสกับแมวก็เป็นคู่ที่ไม่เข้ากันเช่นกัน

    สัญญาณบ่งบอกว่าแมวได้รับพิษจากน้ำมันหอมระเหย ได้แก่:

    • น้ำลายไหล: แมวอาจน้ำลายไหลมากกว่าปกติ
    • อาเจียน: อาจมีอาการอาเจียน
    • ตัวสั่น: ร่างกายสั่นเกร็ง
    • เดินเซ: เดินไม่มั่นคง ลำบาก
    • ซึม: ขาดความกระฉับกระเฉง เฉื่อยชา
    • หายใจลำบาก: หายใจเร็ว หรือมีเสียงหายใจผิดปกติ

    4.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้าน น้องแมวของคุณต้องการอะไรมากที่สุด? ก็คือ คุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง และไม่มีกลิ่นฉุนรบกวนบ้านนั่นเอง ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นฉุน เช่น น้ำส้มสายชู, ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์, แอมโมเนีย หรือสารเคมีที่มีกลิ่นฉุนแรงอื่นๆ จะระคายเคืองระบบทางเดินหายใจของแมว ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด และสารเคมีเหล่านี้ยังเป็นพิษต่อแมวหากเลียเข้าไปขณะที่เลียขนหรืออุ้งเท้า

    5.กลิ่นของสัตว์เลี้ยงอื่นๆ หากแมวของคุณมีนิสัยรักอาณาเขตสูง หรือไม่ถูกกับแมวตัวอื่นๆ พวกมันอาจมีปฏิกิริยารุนแรงเมื่อได้กลิ่นแมวตัวอื่นติดตัวคุณ พวกมันอาจคิดว่ามีแมวตัวอื่นบุกรุกอาณาเขตและต้องการปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง” ไม่เพียงแค่แมวเท่านั้น สิ่งนี้ยังเกิดขึ้นได้กับกลิ่นของสัตว์อื่นๆ เช่น สุนัข หรือแม้แต่สัตว์นักล่าในป่า เช่น โคโยตี้ หากแมวของคุณออกไปข้างนอก

    6.น้ำหอมและโคโลญจ์ แมวของคุณจะรู้สึกว่าคุณหอมที่สุดเมื่อไม่มีกลิ่นตัวใดๆ เลยค่ะ เช่นเดียวกับกลิ่นแรงๆ ชนิดอื่นๆ น้ำหอมและโคโลญจ์ก็เป็นกลิ่นที่แมวเกลียดมากที่สุด เพราะกลิ่นเหล่านี้รุนแรงเกินกว่าที่แมวจะรับได้ และอาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายตัว หรือระคายเคืองทางเดินหายใจ

    7.ตะไคร้หอม ตะไคร้หอมเป็นสารไล่ยุงที่ได้รับความนิยม แต่ก็อาจทำให้แมวที่คุณรักหนีหายไปได้เช่นกัน เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยในตะไคร้หอมมีกลิ่นแรง ซึ่งอาจรุนแรงเกินไปสำหรับประสาทสัมผัสด้านกลิ่นที่บอบบางของแมว เหมือนกับกลิ่นของผลไม้ตระกูลส้มนั่นเอง

    8.ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม แมวจะเลือกนอนบนที่นอนเก่าๆ ที่ใช้มานานมากกว่าที่นอนที่ซักใหม่เสมอ แม้ว่าผงซักฟอกจะไม่มีกลิ่นก็ตาม การกำจัดหรือปิดบังกลิ่นและฟีโรโมนตามธรรมชาติของแมวออกไปมากเกินไป ทำให้แมวรู้สึกไม่ปลอดภัย

    9.กระบะทรายสกปรก คุณคงไม่อยากอยู่ใกล้ห้องน้ำที่สกปรกใช่ไหมคะ? แมวก็เช่นกัน นอกจากกลิ่นเหม็นจะรบกวนความสะอาดที่แมวรักแล้ว พวกเขายังมีสัญชาตญาณในการขับถ่ายออกไปจากที่อยู่อาศัยและฝังกลบ เพราะไม่อยากดึงดูดสัตว์นักล่า กระบะทรายที่สกปรกเต็มไปด้วยของเสียอาจทำให้แมวรู้สึกไม่สบายใจ และอาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น การขับถ่ายนอกกระบะทราย ดังนั้นควรตักกระบะทรายอย่างน้อยวันละครั้ง และทำความสะอาดอย่างล้ำลึกด้วยสบู่และน้ำทุกๆ สองสามสัปดาห์

    10.กลิ่นยาหม่อง ทำไมถึงเกลียดกลิ่นยาหม่อง ยาแก้ไอ และลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของเมนทอล? ดร.เบลล์อธิบายว่า “เราสามารถดมกลิ่นแคทนิปได้ แต่ไม่เหมือนกับที่แมวดม” มันเป็นปฏิกิริยาทางเคมี ไม่ใช่แค่กลิ่นเพียงอย่างเดียวที่ทำให้แมวตื่นเต้น แต่เมนทอล แม้จะสกัดมาจากมิ้นต์ แต่เป็นสารสังเคราะห์ เนื่องจากเมนทอลขาดสารเคมีตามธรรมชาติที่พบในแคทนิป กลิ่นสังเคราะห์นี้จึงทำให้แมวรู้สึกไม่ชอบ

    11.ควันบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นควันบุหรี่ทั่วไป บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา หรือแม้แต่ควันจากการปิ้งย่างและกองไฟ สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะแมวไม่สามารถอยู่ร่วมกับควันได้เลย ควันบุหรี่มือสองสามารถทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจร้ายแรงและเกาะติดอยู่บนขนของแมวได้

    12.กล้วย การวางกล้วยทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์อาจช่วยไล่แมวของคุณได้! แม้ว่าเนื้อกล้วยจะไม่เป็นพิษต่อแมวหากกินในปริมาณที่พอเหมาะ แต่เปลือกกล้วยจะปล่อยสารเอทิลอะซิเตท ซึ่งเป็นสารประกอบที่ทำให้เกิดกลิ่นฉุน และแมวมักไม่ชอบกลิ่นนี้

    13.กลิ่นที่เกี่ยวข้องกับความเครียด แมวสามารถเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงกลิ่นกับความเครียดได้ เช่นเดียวกับมนุษย์ ดร. เบลล์กล่าวว่า การพาแมวไปพบสัตวแพทย์ ซึ่งรวมถึงการเดินทางด้วยรถยนต์และการตรวจร่างกาย อาจทำให้แมวรู้สึกเครียด สิ่งนี้อาจทำให้แมวเชื่อมโยงกลิ่นของกระเป๋าเดินทาง รถยนต์ หรือคลินิกกับความเครียด ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมป้องกันตัว

    เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ควรล้างกระเป๋าเดินทางของแมวอย่างทั่วถึงด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงหลังจากพาแมวไปพบสัตวแพทย์ และเก็บไว้ในที่แห้งและสะอาด ยิ่งไปกว่านั้น ควรวางกระเป๋าเดินทางไว้ในบ้านเพื่อให้แมวคุ้นเคยกับมัน และปล่อยให้แมวปล่อยฟีโรโมนที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายภายในกระเป๋า

  • อดีตสาววีแกน ผันตัวกินแต่เนื้อสัตว์-นม เป็นเวลา 6 ปี เผยผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ

    คุณเดาออกไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวคนนี้ เมื่อเธอละทิ้งผัก ผลไม้ และแป้ง แล้วกินแค่เนื้อสัตว์กับผลิตภัณฑ์จากนมตลอด 6 ปี?

    เบลล่า จากสหรัฐอเมริกา เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 421,000 คนบนอินสตาแกรม @steakandbuttergal ซึ่งเธอเริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงนี้จากการแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับวิถีการกินที่สวนทางของเธอ ในขณะที่โลกกำลังถกเถียงถึงข้อดีข้อเสียของการกินวีแกนที่กำลังได้รับความนิยม เบลล่ากลับเลือกที่จะกินเพียงเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมเท่านั้น

    เบลล่า เล่าว่า ก่อนที่จะหันมาทานอาหารแบบนี้ เธอเคยกินวีแกนมาหลายปี แต่ในช่วงนั้นเธอเผชิญปัญหามากมาย เช่น ระบบย่อยอาหารผิดปกติ ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีกลิ่นตัว ปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง อ่อนเพลียเรื้อรัง และมีปัญหาในการจดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ

    เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เบลล่าตัดสินใจละทิ้งการกินวีแกนอย่างสิ้นเชิง และเปลี่ยนมากินเฉพาะเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนม พร้อมทั้งเลิกบริโภคคาร์โบไฮเดรต ผลไม้ ผัก และอาหารใด ๆ ที่ไม่ได้มาจากสัตว์ แม้ว่าการตัดสินใจนี้จะสวนทางกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหลายคน แต่เบลล่าเชื่อว่าสิ่งนี้นำมาซึ่งประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากมาย

    เธอเล่าว่า หลังจากเปลี่ยนมาทานอาหารแบบนี้เพียงไม่กี่เดือน ร่างกายของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน “ฉันน้ำหนักลดลงประมาณ 11 กิโลกรัม ประจำเดือนกลับมาปกติ และไม่มีอาการเจ็บปวดอีกต่อไป พลังงานและอารมณ์ของฉันก็สมดุลมากขึ้น เพราะร่างกายเปลี่ยนมาใช้ไขมันเป็นพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต” 

    อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เธอเน้นย้ำคือเรื่องกลิ่นกายที่ดีขึ้น เบลล่า เผยว่า เมื่อครั้งที่เธอยังกินวีแกน เธอมักประสบปัญหากลิ่นเหงื่อ การผายลมบ่อย และกลิ่นลมหายใจที่ไม่พึงประสงค์ แต่เมื่อเปลี่ยนมากินเนื้อสัตว์ ปัญหาเหล่านี้กลับหายไป “ฉันไม่ต้องใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำพิเศษอีกต่อไป ร่างกายฉันมีกลิ่นที่สะอาดและน่ารื่นรมย์โดยธรรมชาติ และฉันก็ไม่ค่อยผายลมอีกแล้ว” เบลล่า กล่าว

    การกินเฉพาะเนื้อสัตว์และนมดีต่อสุขภาพจริงหรือ?

    แม้ว่าประโยชน์ด้านสุขภาพที่เบลล่าเล่าจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็นำไปสู่การถกเถียงอย่างกว้างขวาง ทั้งในโลกออนไลน์และในวงการโภชนาการและการแพทย์

    ตามคำแนะนำของสำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติอังกฤษ (NHS) อาหารที่สมดุลควรประกอบด้วยผลไม้และผักอย่างน้อย 5 ส่วนต่อวัน ควบคู่กับอาหารที่มีไฟเบอร์สูง นม หรือผลิตภัณฑ์ทดแทนนม รวมถึงโปรตีนจากแหล่งทั้งสัตว์และพืช

    แม้ว่าการกินของเบลล่าอาจเหมาะกับร่างกายและความต้องการส่วนตัวของเธอ แต่นักโภชนาการย้ำว่าไม่มีรูปแบบการกินใดที่เหมาะกับทุกคน การกินแบบวีแกนหรือกินเฉพาะเนื้อสัตว์ต่างก็มีข้อดีสำหรับบางคน แต่หากทำไม่ถูกต้องก็อาจมีผลเสียระยะยาวได้

    สำหรับการกินแบบวีแกน หากไม่ได้รับวิตามิน B12 แคลเซียม และสารอาหารที่จำเป็นจากสัตว์อย่างเพียงพอ อาจเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร เช่น โลหิตจาง กระดูกพรุน และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง

    ในขณะที่การกินเฉพาะเนื้อสัตว์อาจเสี่ยงต่อการขาดใยอาหาร ซึ่งนำไปสู่อาการท้องผูกและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและเบาหวาน นอกจากนี้ การบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปในปริมาณมากยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง

    ดังนั้นแต่ละคนควรมองหาแนวทางการกินที่สมดุล หลากหลาย และเหมาะสมกับความต้องการสุขภาพของตนเอง หากคุณกำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการกิน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น การตัดกลุ่มอาหารบางประเภทออกทั้งหมด

    ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหรือแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน การรับประทานอาหารแบบสมดุลยังคงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมั่นคงที่สุด

  • ระทึกกลางสุขุมวิท! ไรเดอร์มีปากเสียงกับคนขับเก๋ง ถูกชก-ขับชนอัดเสาดับสลด

    ไรเดอร์มีปากเสียงกับคนขับเก๋ง ก่อนที่จะถูกชกและซิ่งรถชนลอยติดเสาดับ ย่านสุขุมวิท เมียใจสลาย สูญเสียเสาหลักครอบครัว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ร.ต.ท.จรินทร์ รัตนสุวรรณชัย รองสารวัตรสอบสวน สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรับแจ้งเหตุ รถเฉี่ยวชนบริเวณริมทางเท้าสุขุมวิท 10 เจ้าหน้าที่จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบร่างคนขับไรเดอร์ สวมเสื้อแขนยาวสีชมพู และกางเกงยีนส์ถูกชน ร่างกระแทกเสากล้องวงจรปิด โดยสภาพร่างกายตัวบิดงอ ใกล้กับบริเวณที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสภาพเละ

    ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เกิดเหตุและได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายกิตติภูมิ อายุ 48 ปี ไรเดอร์ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนเห็นไรเดอร์และรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่เลนขวามีปากเสียงกันอยู่ คาดว่าน่าจะมีปัญหาการเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้น

    ขณะนั้นรถเก๋งดังกล่าว ได้พยายามหลบหนี โดยไรเดอร์ได้ยืนขวางรถไว้ แต่รถเก๋งคันดังกล่าวพยายามจะขับหนี ไรเดอร์คนดังกล่าวจึงได้ทุบรถ และคนขับรถเก๋งคันดังกล่าวได้เปิดประตูรถออกมาและทำร้ายไรเดอร์ ก่อนที่ไรเดอร์จะขึ้นจักรยานยนต์ไฟฟ้าขับรถหนี โดยมีรถเก๋งขณะดังกล่าวขับไล่ตามไปชนจากเลนขวาไปถึงเลนซ้ายสุด ทำให้ร่างของไรเดอร์คนดังกล่าวกระเด็นลอยไปกระแทกกับเสาไฟ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

    ต่อมาผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางสาวสายใจ อายุ 39 ปี ภรรยาของไรเดอร์คนดังกล่าว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าตอนยังคุยกับสามีอยู่เลยเรื่องค่าชุดของลูก โดยสามียังบอกว่าเดี๋ยวจะไปจ่ายเงินให้กับลูกอยู่เลย

    โดยตอนคบหากับสามีมามากกว่า 24 ปี และมีลูกด้วยกัน 4 คน ซึ่งลูกแต่ละคนก็ยังศึกษาเล่าเรียนอยู่ โดยคนโตเพิ่งจะจบ ม.6 กำลังจะเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย สามีจึงต้องเร่งหาเงินเพื่อมาจุนเจือค่าใช้จ่ายในบ้านและค่าเทอมของลูก กระทั่งมาเกิดเหตุสลดดังกล่าว ตนรู้สึกช็อกมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    ทั้งนี้ ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปเมื่อสูญเสียเสาหลัก เพราะว่าตนก็ไม่ได้มีรายได้ สามีเป็นคนเดียวที่หาเลี้ยงครอบครัว และอยากฝากบอกไปถึงคนที่ขับชนว่าทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้ ไม่คิดบ้างเหรอว่าคนอื่นต้องมีครอบครัวที่ต้องดูแล และมีครอบครัวที่รอเขา มันหนักหนาถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยเหรอ ตนขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

    ผู้สื่อข่าวยังได้รับรายงานว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวรถเก๋งสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส หมายเลขทะเบียน 6583 กรุงเทพมหานคร ได้ขับหนีไปจนมุมที่ซอยสุขุมวิท 4 ก่อนจะถูกควบคุมตัวมาที่ สน.ลุมพินี ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนและสอบสวน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

  • สาวนักจับชู้มืออาชีพ จัดอันดับผู้ชาย 4 อาชีพ “นอกใจมากที่สุด” จากการทดสอบ 3 ปี

    สาวนักจับชู้มืออาชีพ จัดอันดับ 4 อาชีพ “นอกใจมากที่สุด” จากการทดสอบกว่า 5,000 คน ภายใน 3 ปี

    เว็บไซต์ New York Post รายงานเรื่องราวของ เมเดลีน สมิธ หญิงชาวอเมริกันวัย 32 ปีจากลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะ “นักจับชู้มืออาชีพ” หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบความซื่อสัตย์ของชายหนุ่มต่อคู่รัก ด้วยประสบการณ์ตรวจสอบผู้ชายมากกว่าหลายพันราย เธอเผยว่า

    “แค่ดูโปรไฟล์ของผู้ชายบางคน ฉันก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเขามีแนวโน้มจะนอกใจหรือไม่”

    เมเดลีน มีผู้ติดตามใน TikTok มากกว่า 224,000 คน ซึ่งเธอเปิดบริการให้ผู้หญิงที่สงสัยในความซื่อสัตย์ของคนรักเข้ามาว่าจ้าง ด้วยค่าบริการสูงสุด 65 ดอลลาร์ (ราว 2,200 บาท) ต่อครั้ง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เธอทดสอบผู้ชายมาแล้วกว่า 5,000 ราย และพบกรณีการนอกใจหลายร้อยครั้ง พร้อมจัดอันดับอาชีพที่นอกใจมากที่สุด 4 อันดับแรก ดังนี้

    1. ตำรวจและสายงานบริการ

    เมเดลีนกล่าวว่า “ฉันจับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นอกใจได้มากกว่า 100 คน ซึ่งจากประสบการณ์ของฉัน อาชีพนี้มีแนวโน้มการนอกใจสูงที่สุด”

    นอกจากนี้ อาชีพในสายบริการ เช่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิง หน่วยฉุกเฉิน และเจ้าหน้าที่ทหาร ก็มีแนวโน้มสูงเช่นกัน เธออธิบายว่า “พวกเขามักมองหาโอกาสอยู่เสมอ”

    2. ผู้ชื่นชอบการออกกำลังกาย

    ผู้ชายที่ชอบเล่นฟิตเนสและโพสต์ภาพโชว์หุ่นหรือกล้ามเนื้อเป็นประจำ มักมีแนวโน้มจะนอกใจมากเป็นอันดับรองลงมา เมเดลีนระบุว่า “การถ่ายรูปในยิมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หากมันกลายเป็นตัวตนหลักของพวกเขา มันคือสัญญาณสำคัญ”

    3. นักธุรกิจและพนักงานขาย

    กลุ่มนี้มักต้องเดินทางบ่อย ซึ่งสร้างโอกาสให้นอกใจได้ง่าย เมเดลีนกล่าวว่า “พวกเขาสามารถแยกชีวิตครอบครัวและชีวิตการเดินทางออกจากกันได้ และมักจะใช้ข้ออ้างเรื่องการทำงาน เช่น การทานข้าวกับลูกค้าหรือพาลูกค้าไปสถานบันเทิง”

    4. ทนายความ

    แม้จะเป็นอาชีพที่ดูจริงจังและระมัดระวังตัว แต่เมเดลีนชี้ว่า ทนายความหลายคนมีแนวคิด “ทำงานหนัก เที่ยวหนัก” ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการนอกใจ

    อาชีพที่นอกใจน้อยที่สุด

    จากการจัดอันดับของเมเดลีน แพทย์เป็นอาชีพที่มีแนวโน้มนอกใจน้อยที่สุด เนื่องจากตารางการทำงานที่หนักหน่วง แต่หากมีการนอกใจ มักเกิดกับเพื่อนร่วมงานในสถานพยาบาลเดียวกัน

    ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังได้รับการยืนยันจากผลสำรวจของ Illicit Encounters เว็บไซต์หาคู่ของผู้แต่งงานแล้วในปี 2024 ที่เผยว่า ตำรวจ เป็นกลุ่มอาชีพที่นอกใจมากที่สุด โดย 63% ของตำรวจที่ร่วมตอบแบบสอบถามยอมรับว่าเคยนอกใจ ตามมาด้วย ผู้รับเหมาก่อสร้าง (42%), พนักงานขาย (37%) และ เทรนเนอร์ส่วนตัว (31%)

    เมเดลีนยังกล่าวเสริมว่า “การนอกใจส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผู้คนไม่มีความอดทนพอที่จะค้นหาคู่รักที่เหมาะสม หรือแก้ไขปัญหาภายในตัวเอง”

    อย่างไรก็ดี เมเดลีนย้ำว่าข้อมูลนี้เป็นเพียงประสบการณ์การณ์ของเธอเท่านั้น แต่ทั้งนี้ ตามรายงานของ Illicit Encounters เว็บไซต์ชื่อดังสำหรับบริการหาคู่ของผู้ที่แต่งงานแล้วอยากมีชู้ ได้ยืนยันข้อมูลตรงกับของเมเดลีน โดยเผยว่า ตำรวจคือกลุ่มอาชีพที่นอกใจมากที่สุด ตามผลสำรวจของเว็บไซต์นี้ ได้จัดอันดับอาชีพที่มีการนอกใจสูงที่สุดประจำปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกใจเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ร้อยละ 63 รองลงมาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง อยู่ในอันดับ 2 คิดเป็นร้อยละ 42 ตามมาด้วยพนักงานขายร้อยละ 37 และเทรนเนอร์ส่วนตัวร้อยละ 31

  • พยาบาลวัย 39 รู้ตัวไวว่าเป็น “มะเร็งตับ” เพราะไม่เพิกเฉย 4 สัญญาณเตือนที่เจอ

    พยาบาลวัย 39 ปี ได้รับการวินิจฉัยเป็น “มะเร็งตับ” หลังจากสังเกตเห็น 4 สัญญาณเตือนสำคัญ ที่หลายคนมักมองข้าม

    เว็บไซต์ Daily Express รายงานว่า มาริซซา อันโตนิโอ พยาบาล ก้อนเนื้อขนาด 19 เซนติเมตร เมื่อเธออายุเพียง 39 ปี ขณะที่ลูกของเธออายุแค่ 19 เดือน เธอตัดสินใจแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองเพื่อเตือนผู้อื่นเกี่ยวกับสัญญาณเตือนของมะเร็งตับ ซึ่งทำให้เธอตัดสินใจไปพบแพทย์ทันที

    เริ่มแรกมาริซซาคิดว่าอาการปวดด้านขวา อ่อนเพลียอย่างหนัก มีเลือดปนในปัสสาวะ และอาเจียน เกิดจากความเครียดจากงาน แต่เธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับสภาพของตัวเองในระหว่างการทำงานเวรกลางคืนในฐานะพยาบาล

    เมื่อเล่าถึงประสบการณ์สุดทรมานนี้ เธอกล่าวว่า “สามีและฉันพยายามมีลูกมานานเกือบ 5 ปี และในที่สุดลูกสาวของเราก็เกิดมา แต่ฉันกลับป่วยเกินกว่าจะดูแลเธอได้”

    “ใช้เวลา 2 ปีกว่าที่ฉันจะรู้สึกดีพอที่จะทำสิ่งนั้นได้ ฉันขอขอบคุณสามีและพ่อของฉันที่ก้าวเข้ามาดูแลลูกสาว เมื่อฉันไม่สามารถทำได้”

    การต่อสู้ที่น่าทึ่งของเธอรวมถึงการลดขนาดก้อนเนื้อมะเร็งลง 90% จากการทำเคมีบำบัด และสุดท้ายได้รับการผ่าตัดในสหรัฐอเมริกา

    อย่างไรก็ตาม มาริซซาต้องเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติมเมื่อมะเร็งตับของเธอ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ มะเร็งเซลล์ตับ หรือ เฮปาโตเซลลูลาร์ คาร์ซิโนมา (hepatocellular carcinoma) กลับมาเป็นอีกครั้ง คราวนี้แสดงออกมาในรูปของการเจริญเติบโตที่ปอด

    มาริซซา พยาบาลผู้กล้าหาญที่เคยต่อสู้กับภัยคุกคามจากมะเร็ง ได้เอาชนะมันสำเร็จหลังจากที่ปอดของเธอทรุดตัว และมีการตัดเนื้อร้ายหลายจุดออกไป ซึ่งนำไปสู่การฟื้นตัวที่น่าทึ่งของเธอหลังการทำรังสีบำบัด

    ด้วยความรู้สึกจากชัยชนะส่วนตัวและความเชื่อที่ลึกซึ้ง มาริซซา กล่าวว่า “ฉันรู้สึกเหมือนพระเจ้าทรงให้ฉันมาที่นี่เพื่ออยู่กับผู้ป่วยเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขาผ่านการเดินทางที่คล้ายกัน”

    เธอเสริมว่า “ความเชื่อของฉันมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัว และช่วยให้ฉันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ฉันหวังว่าจะเป็นกำลังใจให้กับคนอื่นได้บ้าง”

    ทั้งนี้ มาริซซาคาดว่าแม่ของเธออาจติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสำคัญของมะเร็งตับ

    ขณะที่ National Health Service (NHS) หรือ ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร เตือนว่า แม้อาการของมะเร็งตับอาจไม่ชัดเจนหรือแยกแยะได้เสมอไป แต่ก็มีสัญญาณที่สำคัญที่ควรสังเกต

    สัญญาณ” มะเร็งตับ” ที่ควรระวัง

    • ตาขาวหรือผิวหนังมีสีเหลือง ซึ่งอาจไม่ชัดเจนในคนผิวสีน้ำตาลหรือผิวดำ (ดีซ่าน) รวมถึงอาจมีอาการคันผิว ปัสสาวะมีสีเข้ม และอุจจาระซีดกว่าปกติ
    • เบื่ออาหารหรือการลดน้ำหนักโดยไม่พยายาม
    • รู้สึกเหนื่อยหรือไม่มีพลังงาน
    • รู้สึกไม่สบายทั่วไป หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด
    • ก้อนในด้านขวาของท้อง
    • รู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียน
    • ปวดที่ด้านขวาบนของท้องหรือที่ไหล่ขวา
    • อาการไม่ย่อยอาหาร เช่น รู้สึกอิ่มเร็วมากเมื่อทานอาหาร
    • ท้องบวมอย่างมากที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหาร
  • ยายวัย 111 ปี บอกไม่มีเคล็ดลับอายุยืน แต่มี “เครื่องดื่ม” เป็นมื้อเช้า ส่วนผสมแค่ 3 อย่าง

    แองเจลินา ตอร์เรส วัลล์โบนา วัย 111 ปี เผยว่าไม่มีเคล็ดลับ ในการมีอายุยืน แต่เธอมีเครื่องดื่มอาหารเช้าที่มีส่วนผสมเพียงสามอย่าง

    แองเจลินา ตอร์เรส วัลล์โบนา ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดในสเปน วัย 111 ปี ได้เปิดเผยเคล็ดลับของการมีอายุยืนยาวของเธอ ขณะที่เธอกำลังจะมีอายุครบ 112 ปี เธออาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ย่านเอย์ซัมเปลในบาร์เซโลนา และอ้างว่าเธอมีสุขภาพแข็งแรงดีมาตลอดชีวิตโดยไม่เคยเจ็บป่วย

    เธอได้รับตำแหน่งบุคคลที่มีอายุมากที่สุดในสเปนหลังการเสียชีวิตของมาเรีย บรันยาส ผู้ซึ่งเคยเป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดในโลกด้วยวัย 117 ปีเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว นอกจากนี้ หลังการเสียชีวิตของเปียดัด โลริเอนเต แห่งอารากอน วัย 113 ปีในเดือนพฤศจิกายน แองเจลินาได้ครองตำแหน่งบุคคลที่มีอายุมากที่สุดในสเปน

    แม้เธอจะบอกว่าไม่มี “เคล็ดลับ” ในการมีอายุยืน แต่กิจวัตรประจำวันของเธอรวมถึงการเริ่มวันด้วยอาหารเช้าง่ายๆ ซึ่งประกอบด้วย “น้ำหนึ่งแก้ว ที่มีน้ำมะนาวไม่กี่หยด และน้ำตาลหนึ่งช้อน”

    แม้จะมีข้อกังวลเรื่องสุขภาพเกี่ยวกับน้ำตาล แต่การดื่มน้ำมะนาวก็มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น เป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากพืช และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง นอกจากนี้ แองเจลินายังชอบเดินป่าและพยายาม “สร้างมิตรภาพกับทุกคน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของเธอ

    คนรอบตัวมักเรียกเธอว่า “นางฟ้า” แต่เธอกลับถ่อมตนและตอบว่า “ฉันไม่ใช่นางฟ้า ฉันแค่ชอบเข้ากับคนอื่นได้ดี”

    แองเจลินาเกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2456 ที่เมืองเบลล์วีส์ เป็นลูกคนที่ห้าในบรรดาพี่น้องเจ็ดคน เธอเผยว่าเธอมักรู้สึกเห็นใจผู้ที่ด้อยโอกาสมากกว่า

    เธอเริ่มต้นอาชีพในฐานะช่างทำเนคไท ก่อนที่จะเป็นเด็กฝึกงานในร้านตัดเสื้อ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนสงครามกลางเมืองสเปน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แองเจลินายอมรับว่าเธอ “ทุกข์ทรมานมาก”

    หลังสงคราม เธอแต่งงานกับโจเซป มาร์ตี และมีลูกสาวชื่อเมอร์เซ่ รวมถึงหลานสองคนคือเจมมาและซาวี และเหลนอีกสามคน ได้แก่ โพล มาร์ก และมาร์ โจอานา เธอแสดงความขอบคุณที่ได้ใช้เวลาคริสต์มาสร่วมกับครอบครัว และกล่าวว่าเหลนของเธอ “หน้าตาดีมาก” พร้อมบอกว่าเธอ “มีความสุขมาก”

    แองเจลินายังเล่าความยินดีที่ได้เห็นการก่อสร้างมหาวิหารซากราดา ฟามีเลีย โดยกล่าวว่า “มันออกมาสวยงาม” เธอสรุปด้วยการสะท้อนถึงชีวิตของเธอว่า “เธอมีเพื่อนสนิทมากมาย” และเธอ “หัวเราะบ่อย” รวมถึง “มีความสุขกับครอบครัวของเธอ”

  • รถติดไฟแดงต้องใส่เกียร์ D หรือ N จึงจะถูกต้อง?

    หากมีความจำเป็นต้องหยุดรถระหว่างติดไฟแดง ผู้ขับขี่ควรเลือกคาเกียร์ D แล้วเหยียบเบรกค้างไว้ หรือผลักเป็นเกียร์ N แทน แบบไหนจึงจะถูกต้อง บทความนี้ Sanook Auto มีคำตอบมาฝากกันครับ

    รถติดไฟแดงควรใส่เกียร์อะไร ถึงจะถูกต้อง?

    คำตอบคือ เกียร์ D หรือเกียร์เดินหน้า เป็นเกียร์ที่ใช้ในการขับขี่ปกติ รถจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยทันทีเมื่อปล่อยเบรก

    ข้อดีของการใส่เกียร์ D ขณะติดไฟแดง

    • สามารถออกตัวได้ทันท่วงทีเมื่อไฟเขียว
    • ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเกียร์

    ข้อเสียของการใส่เกียร์ D ขณะติดไฟแดง

    • มีโอกาสที่รถจะพุ่งไปชนคันหน้าโดยไม่ตั้งใจ
    • เครื่องยนต์จะกินน้ำมันโดยใช่เหตุ

    ขณะที่เกียร์ N หรือเกียร์ว่าง เป็นเกียร์ที่ใช้สำหรับการหยุดรถเป็นการชั่วคราว ต่างจากเกียร์ P ที่ต้องการจอดโดยไม่มีการขยับรถอีก

    ข้อดีของการใส่เกียร์ N ขณะติดไฟแดง

    • ช่วยป้องกันไม่ให้รถพุ่งไปชนคันหน้า
    • ประหยัดน้ำมันขณะติดไฟแดง เนื่องจากไม่มีการส่งกำลังไปสู่ล้อ

    ข้อเสียของการใส่เกียร์ N ขณะติดไฟแดง

    • เสียเวลาเปลี่ยนเกียร์เมื่อต้องการออกตัว

    กล่าวโดยสรุปนั้น หากหยุดติดไฟแดงเป็นระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 10-20 วินาที สามารถคาเกียร์ D ควบคู่กับการเหยียบเบรกได้ จะช่วยเพิ่มความสะดวกไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเกียร์ไปมา แต่หากติดไฟแดงนานเกิน 1 นาทีขึ้นไป ควรเปลี่ยนเป็นเกียร์ N พร้อมกับดึงเบรกมือ จะช่วยลดภาระของเครื่องยนต์ ลดอัตราสิ้นเปลือง และป้องกันไม่ให้รถไหลได้นั่นเอง