Blog

  • KUBET – ไปต่อหรือพอแค่นี้? “เพลง ชนม์ทิดา” โพสต์ถึงความรัก 7 ปี “เป๊ก เศรณี”

    หลังจากที่มีภาพช็อตสุดโรแมนติกของคู่รักสุดหวาน เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม ลูกสาวคนเก่งของ ตู่-นันทิดา แก้วบัวสาย และ เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ที่ถูกแฟนหนุ่ม เป๊ก-เศรณี ชาญวีรกูล ลูกชายคนเล็กของ อนุทิน ชาญวีรกูล คุกเข่าขอแต่งงานไปเมื่อปลายปีที่แล้ว 

    ล่าสุด เพลง ชนม์ทิดา ก็ได้ออกมาโพสต์รูปหวานถือช่อดอกไม้ พร้อมกับเขียนถึงแฟนหนุ่ม ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ กับว่าที่เจ้าบ่าวอย่าง เป๊ก เศรณี ที่รักกันมากว่า  7 ปี ที่คู่อื่นอาจะเจออาถรรพ์ แต่สำหรับ เพลง ไม่มีข้อสงสัยเลย ซึ่งตอนนี้เลื่อนขั้นกันมาเป็นคู่หมั้น และกำลังจะแต่งงานกันในปีนี้แล้วด้วย กับแคปชั่นว่า 

    “70 white o’haras for 7 magical years together

    “They said 7 is the year where you make it or break it, but without a doubt, us getting married this year says it all.” — Pek

    Love you my Fiancé @pek_c

    P.S I hope you enjoy “The 5 Love Languages (For Men)”

     ซึ่งแปลได้ว่า “ดอกไวท์โอฮาร่า 70 ดอก สำหรับ 7 ปีมหัศจรรย์ที่เราอยู่ด้วยกัน

    เขาว่ากันว่าปีที่ 7 คือปีที่ต้องเลือกระหว่างไปต่อหรือพอแค่นี้ แต่ไม่มีข้อสงสัยเลย เพราะการที่เราแต่งงานกันในปีนี้ได้ตอบทุกอย่างแล้ว” — Pek

    รักคุณนะ คู่หมั้นของฉัน @pek_c 

    ป.ล. หวังว่าคุณจะเพลิดเพลินกับ The 5 Love Languages (For Men).

  • KUBET – 3 สิ่งในครัว เติมใน “กาแฟ” ช่วยเพิ่มพลังเผาผลาญ ลดน้ำหนักได้อย่างเห็นผล

    คุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในยิมหรือกินอาหารที่จำกัดเพื่อเพิ่มการเผาผลาญของคุณ สิ่งที่คุณต้องการมีเพียง 3 ส่วนผสมที่คุณอาจมีอยู่ในครัวแล้ว (หรือหาซื้อได้ที่ร้านขายของชำ) เพื่อใช้กาแฟยามเช้าของคุณในการลดน้ำหนัก ส่วนผสมเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะให้พลังงานแก่คุณเท่านั้น แต่ยังอาจควบคุมฮอร์โมนของคุณและทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่งอีกด้วย!

    การเผาผลาญของร่างกายของคุณขึ้นอยู่กับสามสิ่ง: อัตราการเผาผลาญพื้นฐาน (BMR) กิจกรรมทางกายของคุณ และผลกระทบจากความร้อนของอาหาร อาหารบางชนิดและสารอาหารของมันสามารถส่งผลดีต่อ BMR ของคุณและผลกระทบจากความร้อนของอาหารของคุณ ช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นในขณะพักผ่อนและช่วยในการลดน้ำหนัก

    1.อบเชยช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน

    การเติมอบเชยลงในถ้วยยามเช้าของคุณสามารถช่วยลดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เพิ่มการเผาผลาญไขมัน และลดการอักเสบ ทั้งหมดนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเร่งการเผาผลาญของคุณและช่วยในการลดน้ำหนัก อบเชยเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับชาสมุนไพร ชาเขียว หรือชาดำ รวมถึงกาแฟ

    ในการศึกษาล่าสุด เมื่อนักวิจัยเติมซินนามัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่ให้รสชาติและกลิ่นเผ็ดร้อนของอบเชย ลงในเซลล์ไขมันของมนุษย์ (เรียกว่าอะดิโพไซต์) เซลล์ไขมันเริ่มสร้างยีนและเอนไซม์เพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมัน การเพิ่มขึ้นของการเผาผลาญไขมันหมายความว่าเซลล์ของคุณจะเผาผลาญแทนที่จะเก็บไขมันส่วนเกิน การเผาผลาญไขมันที่ดีขึ้น = การลดน้ำหนักที่ง่ายขึ้น

    2.น้ำมันมะพร้าวเพื่อเผาผลาญไขมัน

    น้ำมันมะพร้าวมีอัตราส่วนสูงของกรดไขมันสายกลาง หรือ MCTs ซึ่งเป็นคำย่อ MCTs เป็นไขมันชนิดพิเศษที่ร่างกายของคุณเผาผลาญแตกต่างกัน และมีการแสดงให้เห็นว่าช่วยเพิ่มการเผาผลาญ

    MCTs ถูกย่อยและส่งตรงไปยังตับ ซึ่งส่งเสริมการเผาผลาญเซลล์ไขมันอื่นๆ และมีส่วนช่วยในผลกระทบจากความร้อนของอาหารโดยรวม สองปัจจัยนี้คือสิ่งที่ทำให้น้ำมัน MCTs และน้ำมันมะพร้าวเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มการเผาผลาญของคุณ

    การวิเคราะห์เมตาในปี พ.ศ. 2558 พิจารณาไขมันในร่างกายและน้ำหนักในผู้ใหญ่ที่บริโภคไขมันสายยาว (เช่น ไขมันที่พบในอาหารประจำวันของคุณ) หรือ MCTs การวิเคราะห์พบว่ากลุ่มที่บริโภค MCTs มีการลดลงของน้ำหนักตัวและไขมันในร่างกายอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าในกลุ่ม LCT

    MCTs ยังถูกดูดซึมและเผาผลาญอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเป็นแหล่งพลังงานที่ดีเยี่ยมสำหรับคุณแม่ที่กระฉับกระเฉงและยุ่ง และผู้ที่พยายามลดน้ำหนัก

    3.คอลลาเจนเปปไทด์เพื่อเพิ่มการเผาผลาญ

    คอลลาเจน (และเจลาติน) เป็นแหล่งอาหารหลักของไกลซีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มักขาดในอาหารแบบตะวันตก ไกลซีนช่วยในการเมทิลเลชัน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการเปลี่ยนสารอาหารจากอาหารให้เป็นพลังงาน สิ่งนี้อาจส่งผลดีต่อการเผาผลาญ

    การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นถึงประโยชน์อื่นๆ ของไกลซีนเช่นกัน เช่น การนอนหลับที่ดีขึ้น ผิวที่สุขภาพดีขึ้น และอารมณ์ที่สมดุลมากขึ้น

    อาหารที่อุดมด้วยคอลลาเจนมักมีกรดไฮยาลูโรนิกมากกว่าอาหารอื่นๆ ซึ่งช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวและข้อต่อ

    เนื่องจากอาหารที่อุดมด้วยคอลลาเจนคือสิ่งต่างๆ เช่น น้ำซุปกระดูกและเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกช้า (ติดหนัง!) จึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ได้รับกรดอะมิโนที่เป็นประโยชน์เหล่านี้เพียงพอในอาหารของคุณ

    การเสริมด้วยผงคอลลาเจนที่มาจากสัตว์กินหญ้าคุณภาพสูง เป็นวิธีที่ง่ายสุดๆ ในการสนับสนุนเป้าหมายด้านสุขภาพที่แตกต่างกันมากมายในคราวเดียว และในตอนเช้าเป็นสิ่งแรก

  • KUBET – รวมวิจัยมหาลัยดัง พ่อแม่ที่ทำงาน 3 อาชีพนี้ มีโอกาสเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ “มากกว่า”

    รวมงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยระดับโลก เผยพ่อแม่ที่ทำงาน 3 กลุ่มอาชีพนี้ มีโอกาสเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ “มากกว่า”

    ในทุคยุคสมัยปรากฏการณ์หนึ่งที่ยังคงสังเกตเห็นอยู่เสมอ นั่นคือ อาชีพของพ่อแม่มีแนวโน้มที่จะถูก “สืบทอด” มาจากรุ่นต่อรุ่น พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ หากพ่อแม่ทำงานในสาวอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ลูกของพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะประกอบอาชีพที่คล้ายกันเมื่อเติบโตขึ้น นั่นเป็นเหตุว่าทำไมจึงได้ยินวลีเช่น “ครอบครัวนักดนตรี” “ครอบครัวสถาปนิก” หรือ “ตระกูลหมอ” บ่อยๆ

    ในสายตาของหลายๆ คน เรื่องนี้ดูเป็นสิ่งลึกลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่บ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้วแก่นแท้ของเรื่องนี้ก็คือ พ่อแม่จะนำทักษะหรือลักษณะเฉพาะทางวิชาชีพของตน มาแปลงเป็นทรัพยากรทางการศึกษาในครอบครัว ทำให้ลูกๆ ได้สัมผัสและเริ่มคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย

    จากการศึกษาวิจัย 30 ปีของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน พบว่า ประเภทอาชีพของผู้ปกครองส่งผลโดยตรงต่อรายได้ ความสำเร็จในอาชีพ และความสามารถในการปรับตัวทางสังคมของบุตรหลานเมื่อเป็นผู้ใหญ่ คำถามต่อมาที่หลายคนอยากรู้ก็คือ พ่อแม่สามารถเลือกอาชีพใดได้บ้าง ที่จะช่วย “ปูทาง” ให้ลูกๆ สู่อนาคตที่ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย?

    แพทย์/นักวิจัย – ฝึกทักษะการคิดเชิงตรรกะและความอดทน

    ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือนักวิจัย ทุกคนจะเห็นว่าอาชีพเหล่านี้มีลักษณะเด่นที่ใช้ข้อมูลในการอธิบาย และใช้การคิดเชิงระบบในการวิเคราะห์ปัญหา นอกจากนี้ มักต้องการความละเอียดรอบคอบ ต้องเผชิญกับความกดดันและความล้มเหลวบ่อยๆ ซึ่งลักษณะเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกส่งผ่านมายังลูกๆ ผ่านการอบรมในครอบครัว

    โดยผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า ลูกของแพทย์หรือนักวิจัยมักมีผลการเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, คณิตศาสตร์ สูงกว่าลูกของผู้ปกครองในอาชีพอื่นๆ ถึง 31% ซึ่งไม่ใช่เพราะพันธุกรรม แต่เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับการเข้าหาปัญหาด้วยการคิดแบบหลักการและเหตุผลตั้งแต่เด็ก

    นอกจากนี้ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ พบว่า ลูกของแพทย์หรือนักวิจัยมักมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (ที่เกี่ยวข้องกับความเครียด) ต่ำกว่าลูกของคนทั่วไปถึง 41% ในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถปรับตัวกับความเครียดได้ดีกว่า

    ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ลูกๆ จะไม่เพียงแต่ฝึกทักษะการคิดเชิงตรรกะ แต่ยังสามารถพัฒนาความอดทนที่สูงกว่า นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กมีความได้เปรียบในการเรียนและทำงานในอนาคต แต่ก็ต้องระวังว่าการทำงานที่ใช้เวลามากอาจทำให้เด็กขาดการเอาใจใส่ หรือเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เครียดเกินไป ดังนั้น ผู้ปกครองควรกำหนดขอบเขตระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้ชัดเจน เพื่อสร้างผลกระทบที่ดีให้แก่เด็กและหลีกเลี่ยงผลเสียจากความเครียดในอาชีพ

    ครู/นักการศึกษา – สร้างทักษะการคิดแบบพัฒนาให้เด็ก

    ทุกคนรู้ว่าการศึกษาต้องมีการปรับปรุงตามยุคสมัย ซึ่งหมายความว่าครูต้องมีการคิดแบบ “พัฒนา” เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนั้น ลูกของครูมักจะได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะการคิดตั้งแต่เด็ก การคิดแบบนี้จะช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวกับโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น

    นอกจากนี้ ครูไม่ได้แค่ถ่ายทอดความรู้ แต่ยังต้องสร้างและจัดระเบียบความรู้ให้เป็นระบบ ดังนั้น ครูจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้ได้ดีกว่าผู้ปกครองคนอื่นๆ การวิเคราะห์ข้อผิดพลาดในการตรวจงานหรือการสร้างระบบความรู้ในการเตรียมการสอน กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการศึกษาของเด็ก ที่สำคัญคือ สภาพแวดล้อมในบ้านของครูมักจะสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็ก เช่น การเตรียมการสอน การอ่านหนังสือ และการเรียนรู้ ซึ่งจะทำให้เด็กได้รับผลกระทบที่ดีจากสิ่งเหล่านี้

    การศึกษาจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ พบว่า ลูกของครูมีผลการทดสอบความสามารถด้านการเรียนรู้ สูงกว่าลูกของผู้ปกครองที่ไม่ได้ทำงานเป็นครูถึง 23% การสามารถควบคุมและปรับกระบวนการเรียนรู้ได้ดี เป็นสิ่งที่ช่วยเด็กในการรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองที่เป็นครูต้องระวังการนำวิธีการสอนมาปรับใช้กับการเลี้ยงดูเด็ก หากมีการควบคุมมากเกินไปหรือการตั้งระเบียบที่เคร่งครัดอาจสร้างความตึงเครียดในบ้านและส่งผลเสียต่อจิตใจของเด็ก

    นักธุรกิจ/ผู้ประกอบการ – กระตุ้นความสามารถในการเป็นผู้นำของเด็ก

    จากการสำรวจของโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด พบว่า 43% ของลูกของนักธุรกิจเคยมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะไม่ทั้งหมดที่รับช่วงงานธุรกิจจากพ่อแม่ แต่เด็กเหล่านี้มักแสดงความสามารถในการเป็นผู้นำและมีความสามารถทางธุรกิจตั้งแต่ยังเด็ก นี่คือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ผลกระทบจากอาชีพ” ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าลูกของนักธุรกิจมักได้รับโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ที่ดีกว่าลูกของครอบครัวอื่นๆ

    นอกจากนี้ การที่พ่อแม่เป็นนักธุรกิจยังทำให้เด็กๆ มีโอกาสในการขยายมุมมองและพัฒนาความเข้าใจได้เร็วกว่าเด็กในครอบครัวอื่นๆ และด้วยข้อได้เปรียบด้านทรัพยากรทางการเงิน เด็กในครอบครัวนักธุรกิจสามารถลองผิดลองถูกได้โดยไม่ต้องแบกรับความกดดันมากนัก จากกระบวนการทดลอง – ปรับปรุง – เรียนรู้อย่างต่อเนื่องนี้ เด็กๆ มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น

    จริงๆ แล้ว ผลกระทบจากอาชีพของพ่อแม่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มอาชีพที่กล่าวถึงข้างต้น แม้แต่ในอาชีพทั่วไป เราก็สามารถใช้ความได้เปรียบจากการทำงานของเรามาช่วยให้ลูกเติบโตและพัฒนาไปในทางที่ดีได้ ตามที่ Peter Drucker ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการกล่าวไว้ “การศึกษาที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนวิธีการทำงานให้กลายเป็นปัญญาของชีวิต”

  • KUBET – นรลักษณ์ศาสตร์ เรื่อง “กีกี้” โหนก นูน ลีบ แบน แบบไหนสะท้อนนิสัยใจคอยังไง

    ความเชื่อเรื่อง ‘กีกี้’ โหนก นูน ลีบ แบน แบบไหนสะท้อนนิสัยใจคอยังไง

    การศึกษาโหงวเฮ้ง หรือ นรลักษณ์ศาสตร์ ถือเป็นศาสตร์หนึ่งที่ช่วยทำความเข้าใจลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของคน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าในตำราโบราณ การดูรูปลักษณ์ของ “กีกี้” ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อว่าสามารถทำนายนิสัยใจคอของผู้หญิงได้ รูปลักษณ์ต่างๆ ของกีกี้ยังสะท้อนถึงโชควาสนาและนิสัยในด้านต่างๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกว่า “กีกี้” แต่ละแบบมีความหมายอย่างไร

    • กีกี้ ที่มีรูปร่างเหมือนใบพลู: เชื่อกันว่าเป็นคนช่างเจรจา มีทรัพย์สินมาก และมักจะรู้สึกพอใจเมื่อถูกสัมผัสที่บริเวณเนิน
    • กีกี้ ที่มีรูปร่างเรียวยาว: มักเป็นคนเจ้าชู้ ชอบคบหาผู้ชายหลายคนและแย่งสามีผู้อื่น
    • กีกี้ ที่มีรูปร่างลีบแบน: เชื่อว่ามักอาภัพในโชคชะตา และความรักไม่ยืนยาว
    • กีกี้ ที่เหมือนกะลาซอ: เป็นคนปากร้าย ชายใดได้ครอบครองจะพบกับความไม่ดี
    • กีกี้ ที่เหมือนกระดองเต่า: มีความรุนแรงและพลิกแพลงในเรื่องเพศ
    • กีกี้ ที่เหมือนละมุดสีดา: ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ ชายใดเป็นคู่ครองจะไม่มีความสุข
    • กีกี้ ที่คว่ำและมีกลิ่นไม่ดี: เชื่อว่าชีวิตคู่จะมีแต่ความทุกข์
    • กีกี้ ที่เหมือนกีบเนื้อทราย: ไม่รักใครจริง และสำส่อน
    • กีกี้ ที่บานโคกและมีกลิ่นหอม: ชายใดเป็นคู่ครองจะมีแต่ความสุข
    • กีกี้ ที่เหมือนกีบกวางและโคกสูง: มีทรัพย์ล้นเหลือ ชีวิตคู่จะเต็มไปด้วยความสุข

    ทำไมรูปทรงกีกี้ถึงต่างกัน? เช่นเดียวกับอวัยวะส่วนอื่นๆ รูปร่างของกีกี้แตกต่างไปตามปัจจัยพันธุกรรม ฮอร์โมน การคลอดบุตร อายุ และสภาพทางกายภาพ ซึ่งทำให้กีกี้ของแต่ละคนมีรูปร่างที่ไม่เหมือนกัน

    รูปร่างกีกี้สำคัญอย่างไร? รูปร่างของกีกี้ที่สมบูรณ์และดูดี สามารถเพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เช่น การใส่เสื้อผ้ารัดรูป หรือชุดว่ายน้ำ รวมถึงช่วยสร้างความมั่นใจในเรื่องความสัมพันธ์กับคู่รัก

    กีกี้ในอุดมคติเป็นแบบไหน? กีกี้ที่โหนกนูน อวบอิ่ม ไม่มีกลิ่น สีสดใส และมีสุขภาพดีถือเป็นลักษณะที่สมบูรณ์แบบ ที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝัน

    ความเชื่อเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องเล่าตามตำราโบราณเท่านั้น การดูแลสุขอนามัยและความมั่นใจในตัวเองนั้นสำคัญที่สุด

    ขอบคุณที่มาของเนื้อหา : genitiqueclinic

  • KUBET – หมอสุดงง ผู้ป่วย 4 ราย “ค่าตับ” สูงปรี๊ด พบดื่มน้ำชนิดเดียวกัน ตับพังไม่ต่างจากเหล้า

    หมอตกใจ แค่วันเดียว พบผู้ป่วย 4 ราย “ค่าตับ” สูงปรี๊ด ก่อนพบทั้งหมดดื่มน้ำประเภทเดียวกัน ตับพังไม่ต่างจากดื่มเหล้า

    ดร.โดอัน เยอ มั๋ญ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจและหลอดเลือดนานาชาติ โรงพยาบาลทั่วไปฟองดง ของเวียดนาม เปิดเผยว่า ในวันเดียวกัน เขาพบผู้ป่วยถึง 4 รายที่มีค่าเอนไซม์ตับสูงผิดปกติ โดยทั้งหมดมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน “พวกเขาดื่มเครื่องดื่มชนิดเดียวกัน”

    หนึ่งในผู้ป่วยคือชายวัย 34 ปีจากฮานอย ซึ่งต้องตรวจสุขภาพก่อนเข้ารับการผ่าตัด เมื่อตรวจครั้งแรก ค่าตับยังปกติ แต่เมื่อใกล้ถึงวันผ่าตัด ตรวจซ้ำกลับพบว่าเอนไซม์ตับพุ่งสูงผิดปกติ ทั้งที่เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์หรือรับประทานยาใด ๆ ที่มีพาราเซตามอล สิ่งเดียวที่เขาดื่มเป็นประจำคือ “ชาสมุนไพร” เพื่อล้างพิษในลำไส้ โดยคนไข้ซื้อชานี้ตามคำแนะนำบนโลกออนไลน์

    อีกกรณีเป็นชายวัย 29 ปี ที่ไปตรวจสุขภาพตามปกติแต่กลับพบค่าตับสูงผิดปกติ โดยเขาไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่กำลังดื่ม “ชาสมุนไพรดีท็อกซ์ลำไส้” เพื่อลดน้ำหนัก

    ผู้ป่วยรายนี้ เล่าว่า เขาพยายามลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารและออกกำลังกายแต่ไม่ได้ผล จึงหันไปพึ่ง “ชาสมุนไพรดีท็อกซ์ลำไส้” ที่พบในโฆษณาออนไลน์ โดยคิดว่าทำจากสมุนไพรธรรมชาติและปลอดภัย ถึงขั้นดื่มแทนน้ำเปล่าทุกวัน

    ผู้ป่วยยังระบุด้วยว่า “ชาสมุนไพร” ช่วยให้เขาลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว

    “ผมไม่แน่ใจว่าผู้ป่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร แต่การดื่มชาลักษณะนี้ทำให้ค่าเอนไซม์ตับพุ่งสูงไม่ต่างจากการดื่มแอลกอฮอล์” ดร.มั๋ญ กล่าว

    ตามที่ ดร.มั๋ญ กล่าว มีผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่มาที่คลินิกและพบว่าเอนไซม์ตับสูง ต่างก็บอกว่าพวกเขาดื่ม “ชาสมุนไพรเพื่อล้างพิษลำไส้”

    ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้หยุดดื่ม “ชาดีท็อกซ์ลำไส้” และนัดหมายเพื่อติดตามการรักษา

    ระวัง! สมุนไพรปลอม อาจทำลายตับและไต

    ดร.มั๋ญ ระบุว่า แม้ชาสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณที่ผ่านการรับรองจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ผู้บริโภคต้องระมัดระวังผลิตภัณฑ์ที่แอบอ้างว่าเป็น “สมุนไพร” โดยเฉพาะสินค้าในตลาดที่ไม่มีแหล่งผลิตชัดเจน

    ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจปนเปื้อนสารเคมีอันตรายในกระบวนการผลิต ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง

    “ที่ผ่านมา โรงพยาบาลบั๊กมัยพบผู้ป่วยที่ใช้ “สมุนไพรลดน้ำหนัก” แต่เมื่อตรวจสอบพบว่ามีสารต้องห้ามอย่าง ไซบูทรามีน (Sibutramine) ซึ่งอาจทำให้ไตวายเฉียบพลันและตับถูกทำลายจนต้องฟอกไต” ดร.มั๋ญ เตือน

    ไซบูทรามีน อันตรายต่อหัวใจ ถูกแบนทั่วโลก

    ไซบูทรามีน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน ด้วยเหตุนี้ สหรัฐฯ และยุโรปจึงเลิกใช้สารนี้ในยาลดน้ำหนักไปแล้ว 

    นอกจากนี้ สมุนไพรและพืชสมุนไพรหลายชนิดมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อรา ทำให้ต้องใช้สารกันเชื้อราระหว่างกระบวนการผลิต หากใช้ในปริมาณที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ก็ถือว่าปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่หากผู้ผลิตลักลอบใช้สารต้องห้าม อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

    ดร.มั๋ญ เตือนว่า ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีแหล่งผลิตและส่วนประกอบชัดเจน ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ห้ามดื่ม “น้ำสมุนไพร” ที่ขายเกลื่อนบนอินเทอร์เน็ตโดยเด็ดขาด

  • KUBET – ส่องทรัพย์สิน ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์ นักการเมือง พรรคประชาชน รวยนิ่มๆ

    ส่องทรัพย์สิน ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์ จากนักข่าว สู่นักการเมืองพรรคประชาชน รวยนิ่มๆ

    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ลิซ่า หรือ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 พบว่า ลิซ่า หรือ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ แจ้งสถานภาพโสด มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 8,228,700 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

    น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 8,228,700 บาท

    • เงินสด 800,000 บาท
    • เงินฝาก 40,170 บาท
    • เงินลงทุน 20,029 บาท
    • ที่ดิน จำนวน 2 แปลง 2,500,000 บาท อยู่ที่ อ.ปากพยูน จ.พัทลุง
    • โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 1 หลัง 3,000,000 บาท โดยเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น อยู่ที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
    • ยานพาหนะ จำนวน 1 คัน 715,000 บาท เป็นรถยนต์ฮอนด้า Jazz
    • ทรัพย์สินอื่น จำนวน 9 รายการ มูลค่า 1,153,500 บาท
      • กำไลเพชร 2 วง
      • จี้เพชร 1 ชิ้น
      • ต่างหูเพชร 1 คู่
      • แหวนเพชร 2 วง
      • สร้อยทองคำขาวพร้อมจี้เพชร 1 ชุด
      • สร้อยคอทองคำขาว 1 เส้น
      • แหวนทองหัวพลอย 1 วง
      • ชุดเครื่องเพชร (แหวนและต่างหู) 1 ชุด
      • ต่างหูมุกประดับเพชร 1 คู่

    หนี้สินทั้งสิ้น 1,775,494 บาท

    • หนี้บัตรเครดิต 2 บัญชี 64,661 บาท
    • เงินกู้จากธนาคารออมสิน 1,683,347 บาท
    • เงินกู้จากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) มียอดหนี้คงเหลือ 27,485 บาท
  • KUBET – ลูกสาวช็อก วงจรปิดบ้านเผยแม่วัย 90 ถูกขืนใจ รู้ว่าคนร้ายคือใคร อึ้งกันทั้งหมู่บ้าน

    ลูกรีบแจ้ง ตร. กล้องวงจรปิดในบ้านจับภาพ หญิงชราวัยเกิน 90 มีอาการหลงลืม ถูกขืนใจ รู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ตกใจกันทั้งหมู่บ้าน

    เกิดเหตุสะเทือนขวัญในหมู่บ้านชนบทเมืองกูเว่ จังหวัดคยองซังบุกของเกาหลีใต้ เมื่อหญิงสูงวัยวัยเกิน 90 ปี ที่มีอาการหลงลืม ถูกประธานสมาคมชุมชนท้องถิ่นซึ่งมีอายุเกิน 70 ปีข่มขืนภายในบ้านของตัวเอง โดยหลังจากที่ลูกสาวของผู้เสียหายตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบ้าน เธอจึงพบเหตุการณ์ดังกล่าวและรีบแจ้งตำรวจทันที

    ตามรายงานของ KOREA WAVE ลูกสาวของผู้เสียหายได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในบ้านเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และพบภาพที่แม่ผู้มีอาการหลงลืมถูกข่มขืนภายในบ้าน โดยผู้ก่อเหตุคือประธานสมาคมชุมชนท้องถิ่น ทำให้เธอโกรธและรีบแจ้งตำรวจทันที

    ผู้ต้องหาบอกกับตำรวจว่าเขากระทำความผิดเพราะดื่มสุราในระหว่างการประชุม แต่ตำรวจไม่เชื่อคำให้การของเขา เพราะจากภาพกล้องวงจรปิดสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเดินไปยังบ้านของผู้เสียหายอย่างมีสติ ไม่มีอาการมึนเมา และลงมือข่มขืนโดยตรง

    ไม่เพียงเท่านั้น ชายคนนี้ยังมีประวัติการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อน หลังจากเกิดเหตุ มีผู้เสียหายหลายรายในหมู่บ้านออกมาให้การชี้ตัว ผู้ต้องหาซึ่งมีอายุเกิน 70 ปี ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมชุมชนมานานกว่า 30 ปี และถูกมองว่าเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ดีกับชาวบ้าน ข่าวนี้จึงทำให้ชาวบ้านตกใจเป็นอย่างมาก

    หลังจากเหตุการณ์ถูกเปิดเผย ชาวบ้านเริ่มพูดถึงประวัติอาชญากรรมของเขาที่เคยมีมา และมีผู้หญิงหลายคนออกมาชี้แจงว่าเคยตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนจากเขา โดยหลายคนกล่าวว่าเคยถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์, ถูกลวนลาม, หรือถูกข่มขืนอย่างรุนแรงจนตั้งครรภ์ ขณะนี้ตำรวจได้เริ่มการสืบสวนอย่างละเอียดแล้ว

    สำหรับเรื่องนี้ ญาติของผู้ต้องหาขออภัยต่อการข่มขืนหญิงชราที่มีอาการหลงลืม แต่ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาการข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศจากชาวบ้านรายอื่น โดยย้ำว่า “ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้จริง เขาคงถูกจับไปนานแล้ว”

  • KUBET – ผู้เชี่ยวชาญเปรียบเทียบ “เนื้อหมู vs เนื้อวัว” กินเนื้ออะไร ดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน?

    ผู้เชี่ยวชาญเปรียบเทียบ “เนื้อหมู vs เนื้อวัว” กินเนื้ออะไร ดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน?

    Patricia Bannan นักโภชนาการจากลอสแอนเจลิส (สหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า ทั้งเนื้อหมูและเนื้อวัวเป็นแหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์ แต่มีคุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ “วิธีการปรุงสามารถเพิ่มหรือลดคุณค่าทางโภชนาการของเนื้อสัตว์ได้”

    ดังนั้น เนื้อหมูหรือเนื้อวัว อันไหนดีกว่าและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า? มาดูกันว่าผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าอย่างไร

    เนื้อส่วนไหนของหมูที่ดีต่อสุขภาพที่สุด?

    Elisabetta Politi นักโภชนาการ กล่าวว่า เนื้อหมูเป็นแหล่งโปรตีน วิตามินบี 12 และไธอามิน (วิตามินบี 1) รวมถึงแร่ธาตุที่สำคัญ โดยเฉพาะธาตุเหล็กฮีม ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี วิตามินบี 12 ช่วยรักษาสุขภาพของเซลล์เม็ดเลือดและเซลล์ประสาท ส่วนไธอามินมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย

    สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงที่แข็งแรงและช่วยลำเลียงออกซิเจนไปยังทุกส่วนของร่างกาย

    ทั้งสองผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลือก เนื้อสันในหมู เพราะเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติดีที่สุด

    Bannan กล่าวว่า “เนื้อสันในหมูเป็นหนึ่งในแหล่งโปรตีนที่ไม่ติดมันที่สุด เทียบเท่ากับอกไก่ไร้หนัง จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมแคลอรี่ แต่ยังคงได้รับโปรตีนเพียงพอ”

    เนื้อสันในหมูขนาดประมาณ 85 กรัม มีพลังงาน 122 แคลอรี โปรตีน 22 กรัม และไขมัน 3 กรัม

    Politi กล่าวเพิ่มเติมว่า ซี่โครงหมู ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ควรเลือกส่วนที่มีไขมันน้อย หรือเล็มไขมันออกก่อนปรุงอาหาร เธอยังแนะนำว่า เนื้อสันในและเนื้อสันนอกหมูมีปริมาณไขมันอิ่มตัวต่ำ

    Bannan แนะนำให้เลือกเนื้อที่มีไขมันน้อย และมองหาคำว่า “สัน” บนฉลาก เพราะมักเป็นส่วนที่มีไขมันต่ำ

    นักโภชนาการยังเตือนให้ หลีกเลี่ยงเนื้อหมูแปรรูป เช่น เบคอนและแฮม เพราะมีโซเดียมสูงและมักผ่านกระบวนการถนอมอาหารด้วยไนเตรตและไนไตรต์

    สมาคมมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า เนื้อสัตว์แปรรูปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง จึงควรจำกัดการบริโภคหากเป็นไปได้

    เนื้อส่วนไหนของวัวที่ดีต่อสุขภาพที่สุด?

    เนื้อวัวเป็นแหล่งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่ดี โดยเฉพาะมีวิตามินบี 12 สูง และให้ธาตุเหล็กฮีมมากกว่าเนื้อหมู

    Bannan กล่าวว่า “เนื้อวัวไม่ติดมันเป็นหนึ่งในแหล่งธาตุเหล็กที่ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือนและนักกีฬา โดยหนึ่งหน่วยบริโภคสามารถให้ธาตุเหล็กได้ถึง 15% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน”

    เธอยังแนะนำให้ทานเนื้อวัวร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น พริกหวานสีเหลือง และผักใบเขียวเข้ม เพราะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น

    เนื้อวัวจัดเป็นเนื้อแดงเช่นเดียวกับเนื้อหมู แต่มีไขมันอิ่มตัวสูงกว่าพวกโปรตีนประเภทอื่น ดังนั้น Politi แนะนำว่า ควรเลือกเนื้อวัวที่ไม่ติดมัน

    นอกจากนี้ เนื้อวัวบดไม่ติดมัน ก็เป็นตัวเลือกที่ดี โดยควรเลือกที่มีไขมันไม่เกิน 15% ตามคำแนะนำของ สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐฯ แต่หากต้องการลดไขมันให้มากขึ้น ควรเลือกเนื้อบดที่มีไขมัน 10% หรือน้อยกว่า

    เนื้อหมูกับเนื้อวัว: อันไหนดีกว่ากัน?

    ขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของแต่ละคน

    ทั้งเนื้อหมูและเนื้อวัวมีสารอาหารที่คล้ายกัน แต่มี 3 จุดแตกต่างที่สำคัญทางโภชนาการ

    • เนื้อวัวให้ธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 มากกว่าเนื้อหมู

    • เนื้อวัวไม่ติดมันมีประโยชน์สำหรับนักกีฬา เพราะช่วยเสริมธาตุเหล็กที่จำเป็นในการลำเลียงออกซิเจนระหว่างออกกำลังกาย

    • เนื้อหมูมักมีไขมันต่ำกว่าเนื้อวัว โดยเฉพาะเนื้อสันในหมู จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับการลดน้ำหนัก เพราะช่วยให้อิ่มแต่ให้พลังงานน้อยกว่า

    ปริมาณที่แนะนำต่อมื้อคือ 85-113 กรัม หรือประมาณ ขนาดฝ่ามือของผู้หญิง หรือ เท่ากับสำรับไพ่หนึ่งสำรับ

    Politi แนะนำว่า ไม่ควรรับประทานเนื้อแดงเกิน 226 กรัมต่อสัปดาห์

    ทั้งสองผู้เชี่ยวชาญเน้นว่า ปริมาณแคลอรี่และไขมันของเนื้อหมูและเนื้อวัวขึ้นอยู่กับวิธีการปรุง วิธีที่ดีที่สุดคือ ย่าง อบ ตุ๋น อบแห้ง หรือผัดโดยใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด

    Bannan แนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์ควบคู่กับ ผักใบเขียว ผักที่มีไฟเบอร์สูง และธัญพืชเต็มเมล็ด เพื่อให้เป็นมื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ

    เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า “หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ และจับคู่กับอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เนื้อหมูและเนื้อวัวสามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่ดีต่อหัวใจได้ และการสลับรับประทานกับแหล่งโปรตีนอื่นๆ เช่น ปลา หรือโปรตีนจากพืชอย่างถั่วเลนทิล จะช่วยให้คุณมีอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น”

  • KUBET – แฟนใหม่? “แบงค์ พชร” อดีตสามี “นิหน่า” โพสต์คลิปหวาน อุ๊ยๆ ! คุ้นหน้าผู้หญิง?

    สำหรับคู่ของ แบงค์ พชร และอดีตภรรยา นิหน่า สุฐิตา ที่ชัดเจนตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 ว่าได้ตกลงเลิกรากันแล้ว เหลือไว้เพียงสถานะพ่อแม่ที่ดีของลูกๆ ทั้งสอง 

    โดยล่าสุดทางด้านของหนุ่ม แบงค์ พชร ที่ได้ออกมาโพสต์คลิป กับแคปชั่นว่า “มนุษย์ที่โชคดีที่สุดในโลก เรือ รถ เครื่องบิน ก็เฝ้าพระอินทร์ได้เสมอ 555” แคปชั่นไม่วานแต่ภาพหวานมาก

    ซึ่งงานนี้ก็อดโฟกัสผู้หญิงในคลิปไม่ได้จริงๆ เห็นแม่เต็มหน้า แต่ๆ อุ๊ย! มีใครพอจะคุ้นหน้าตากันไหม? นี่จะใช่เป็นการเปิดตัวแฟนใหม่หรือไม่? เพราะคลิปนี้จะว่าไปก็สวีตไม่เบาเลย ยังไงกันจ๊ะ ไม่โสดแล้วใช่ไหม?

  • KUBET – “แอฟ ทักษอร” เปิดใจถึง “นนกุล” ชัดเจนแล้ว พูดเรื่องงานแต่งครั้งแรก

    แอฟ ทักษอร คบ นนกุล อายุไม่ใช่ปัญหา! เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองแก่ ยิ้มรับ “คบเด็กแล้วเป็นอมตะ” 

    แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ พกคำตอบมาแบบไม่มีกั๊ก!! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักกับ นนกุล ชานนท์ ที่ย้อนกลับไป 3 ปีพร้อมแต่ง ซึ่งแว่วๆ มาว่าปีหน้าอาจจะมีข่าวดี ? พร้อมเล่าโมเมนท์ในวันที่ปรับเข้าหากัน จนลบคำนิยามว่า รักต่างวัย ออกไป และยังมาเล่าช็อตที่ลูกสาว ”ปีใหม่“ พูดความในใจออกมา จนมีน้ำตาคลอ ซึ่งแม้แอฟเองเผยว่าแม้บางทีเขาอาจจะไม่ฟังที่พูด แต่เขาก็รู้สึก และเก็บไปใช้ในชีวิต จนเจ้าตัวออกปากว่าภูมิใจในตัวของลูกสาวคนนี้ ทั้งหมาดนี้ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา ซินแสเป็นหนึ่ง และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกร 

    อัปเดตอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงข้างเดียว?

    “คือเพิ่งไปผ่าตัดตามา คืออาการก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าเป็น คิดว่าแค่ตามีปัญหา ซึ่งที่บอกว่าไม่รู้ จนกว่าที่เราจะไปตรวจกับแพทย์เฉพาะทาง และสาเหตุที่เราไปผ่า เพราะว่าตาข้างนึงมันทำงานหนักกว่า เริ่มปวด เริ่มตาล้า จนถึงขั้นปวดไมเกรน ซึ่งเราจะคิดถึงแนวว่าต้องไปทำศัลยกรรมไหม ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปหาจักษุแพทย์ ซึ่งมันเป็นปัญหาเรื่องของสุขภาพ ไม่ใช่เรื่องของความสวยความงาม สาเหตุเกิดจากได้หลายอย่าง ถ้าเราใช้เขาหนัก ทุกคนมีสิทธิ์เป็นได้“

    และตอนนี้ น้องปีใหม่ อายุ 10 ขวบแล้ว ทั้งรบทั้งรัก?

    “ถามว่าแอฟดุไหม มันก็แล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งก็ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะ เรื่องซ้อมดนตรี ทำการบ้าน เค้าจะเป็นโรคแบบว่า กว่าจะไปทำ ต้องพูดหลายครั้ง ลีลาเยอะหน่อย ซึ่งไม้ตายที่บอกให้เค้าหยุด ก็ต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มุกเดิมๆ มันไม่ค่อยได้ผล แล้วไม้ตายสุดก็คือถ้าเราหยุดบ่น เราเงียบ เค้าก็จะเริ่มจ๋อย เข้ามาหาเอง เค้ามาขอโทษ (ยิ้ม) เมื่อตอนเด็กๆ อาจจะให้เข้ามุม แต่พอโตแล้ว ถ้าเค้าไม่ทำตาม เราก็สั่งงดห้ามเค้าใช้หน้าจอ”

    เห็นว่ามีประสบการณ์คือ 1 วันเลี้ยงลูก เหมือนจะเป็นไพโบล่า?

    “เหตุการณ์มันคือหนึ่งวัน พันกว่าเรื่อง พันอารมณ์ คือเด็กเค้าอยู่กับปัจจุบัน อารมณ์ไหนก็คืออารมณ์นั้น เค้าแสดงออกมาเลย แต่พอเค้าหาย เค้าก็หายเลย แต่เรากว่าจะเคลียร์เรื่องนี้เสร็จ มันต้องใช้เวลา ซึ่งทำให้เราเรียนรู้ว่าการอยู่กับเด็ก เราต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปลงลึกมาก เดี๋ยวเค้าก็หายเอง“

    เห็นหลั่งน้ำตากับคำพูดของลูก ในรายการของป๋าเต็ด?

    “คือที่ไปออกรายการ เขาพูดออกมาจากใจเค้าจริงๆ เพราะบางประโยค อย่างบางทีที่บอกว่าแม่ก็ไม่ได้ถูกตลอด มันก็ใช่อย่างที่เขาพูด แอฟก็เซอร์ไพร์ส เพราะปกติเราไม่ได้พูดอะไรกันแบบนี้ ทุกวันก็ตีกัน รบกัน รักกัน พอจบรายการ เราก็ยังแซวเค้าเลยว่า คิดข้ามช็อตตอนที่แม่ไม่อยู่เลยหรอ (ยิ้ม) แต่ทั้งหมดทั้งมวลในสิ่งที่เขาพูด ที่เราพูดไป เขาก็ฟังเรา เค้าก็เชื่อในเรา แม้ในชีวิตประจำวัน แม้จะทำท่าไม่ค่อยฟัง แต่มันก็ทำให้เราดีใจ เพราะในที่สุดท้ายเราสอนมาทั้งหมด เค้าก็ฟัง อยู่ๆ ให้แอฟไปถาม เค้าก็คงไม่ตอบ“

    แล้วหลังจากที่เขาพูด เรารู้สึกยังไง?

    ”มันเป็นอะไรที่เซอร์ไพร์ส จบการที่ลูกตอบแบบนี้ ตอนที่จะไปสัมภาษณ์ เรารู้สึกตื่นเต้น การไปสัมภาษณ์รายการของป๋าเต็ด ใช้เวลา 2-3 ชม. และปีเข้ามาชั่วโมงสุดท้าย เราไม่รู้เลย ว่าเค้าจะตอบอะไร เราแค่บอกเค้า ให้ตอบแบบธรรมชาติ อยากจะพูดอะไรก็พูด แต่ก็อยู่ในความเหมาะสม สุดท้ายมันก็มาเป็นอย่างนี้ แอฟก็ดีใจที่มันออกมาพอดี ตอบออกมาจากความจริงใจ และก็ต้องให้เครดิตน้าพุฒ เพราะเขาเป็นคนเลี้ยงมาทุกช่วงวัย การที่เขาอยู่ด้วยกัน การที่เขาเล่นกัน มันคือการสอน เค้าชอบเล่น ชอบฟังน้าพุฒ“

    ซึ่งอีกหนึ่งภาพก็คือน้องนนท์กุลและคุณปี เข้ากันได้ดีมาก?

    ”ก็…. ค่ะ ไม่รู้จะตอบยังไง ย้อนกลับไปช่วงแรกๆ ปีเค้าอาจจะยังเกรงใจ แต่ตอนหลังก็เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ ตอนนี้ก็คือไม่ต่างจากแอฟ ทั้งรักทั้งรบกันตลอด (ยิ้ม) บางทีก็งอนกัน“

    ซึ่งย้อนกลับไป อยากจะทราบว่าตอนไหนรู้สึกว่าลองเปิดใจคุยกับผู้ชายคนนี้?

    ”ตอนไหนไม่แน่ใจ แต่มันคงมากันเรื่อยๆ แทรกซึม ทำงานด้วยกัน ความสนิทมันคือภาคบังคับที่ต้องร่วมงานกัน ด้วยความที่เราเปิดใจคุย เค้าเป็นคนตรงๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ลีลา หรือเราอาจจะเจอคนลีลาเยอะมาแล้ว (ยิ้ม) อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เพราะมีเรื่องอื่นในชีวิตเยอะแล้ว ทั้งเรื่องงาน เรื่องลูก เราอยากได้แค่พื้นที่ ที่สบายใจ ปลอดภัย ไม่ต้องคิดอะไรมาก เป็นตัวของตัวเองได้เลย“

    ช่องว่างระหว่างอายุ มันมีผลไหม?

    “ณ ตอนนั้น ไม่ได้คิดถึงเรื่องอายุ แต่ด้วยลักษณะนิสัย ว่าเราจะเรียนรู้กัน มันก็ต้องมีการปรับตัว เอาตรงๆ นะไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแก่ (ยิ้ม) อยากจะพูดตรงนี้ ว่าไม่จำเป็นจะต้องศึกษากับคนอายุเท่าไหร่ เพราะความรู้สึกข้างในตัวเอง หรือการดูแลตัวเอง การที่จะคบใครอายุเท่าไหร่ หรือการที่ว่าจะไม่มีใคร แอฟก็รู้สึกแบบนี้ เพื่อนแอฟก็เป็น แต่อย่างเมื่อก่อนคิดหรือว่า อายุ 30 จะเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่พอเรามา 40 พอเรามาถึงตรงนี้ ความรู้สึกมันก็ยังเป็นเหมือนเดิม เพราะเราเองก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ยังทำงานเหมือนเดิม หน้าที่เรามันไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนสเตตัส“

    รู้จักกันมา 3 ปี ตอนนี้เรียกแฟนได้ยัง?

    ”อยากเรียกอะไร ก็เรียกได้เลย (ยิ้ม) มันก็มาถึงรุ่นนี้แล้ว ไม่ต้องมาให้คำจำกัดความ จะเรียกแฟน จะเรียกคนคุย เรียกอะไรได้หมด (เป็นแฟนกันแล้ว มีชื่อเรียกแทน หรือ เสียงสอง เสียงสามไหม?) ใครบอกว่าเป็นแล้ว (หัวเราะ) เพราะวันแรกเรียกยังไง วันนี้ก็เรียกเหมือนเดิม แอฟไม่ใช่เป็นคนกุ๊กกิ๊กเหมือนคู่พุฒจุ๋ย“

    เวลาอยู่ด้วยกันจะต้องปรับไปทางไหน?

    ”คือนนเค้าเป็นคนพูดน้อย น้อยกว่าแอฟ แต่เราก็พยามทำความเข้าใจ เค้าไม่ได้มีศิลปะในการพูดมากเท่าไร บางทีอุ้ย!! ตรงจังเลย บางทีก็อยากให้พูดอ้อมๆ บ้าง (ยิ้ม) ซึ่งแอฟก็เป็นคนปรับตัว และเขาก็เรียนรู้บางอย่าง มันอาจจะตรงไป“

    เคยได้ยินสัมภาษณ์ว่า ถ้างอนกันอยู่ ห้ามพูดว่าโกรธอยู่หรือเปล่า?

    ”ไม่ได้ห้าม แต่เค้าให้สัมภาษณ์ไปคือเค้าจับจุด และเค้าคิดเอง ถ้าเค้าทักว่างอนหรอ ก็จะตอบว่าไม่ คือก็รู้สึกว่า พอเราโตแล้ว เราก็ฟีคแบคตรงๆ หงุดหงิดก็คือหงุดหงิด แต่เค้าจะเป็นแบบผู้ชายมากๆ ถ้าไม่รู้ตัวก็ไม่เป็นไร แต่ก็ควรหาสาเหตุว่ามันเกิดจากอะไร แต่คือแค่หงุดหงิดอย่าพึ่งยุ่ง แต่สุดท้ายแล้วการพูดตรงๆ ของเค้า มันก็มีข้อดี ดีกว่าการพูดอ้อมๆ เพราะเค้าคิดวิเคราะห์แยกแยะมาแล้ว จะได้แก้ปัญหาได้“

    มีคนอยากรู้ ว่าการมีแฟนเด็กและเป็นอมตะจริงไหม?

    ”พอดีเห็นจุ๋ยอมตะ แอฟก็อยากอมตะบ้าง (หัวเราะ)“

    ปีหน้าแต่งไหม ?

    “ปีไหน  สักปีนึงนั่นแหละ (ยิ้ม) แล้วตามสคริปต์ที่ทีมงานถามเรื่องสามปี เพราะว่านนเคยไปพูด ว่าครบสามปีแล้วแต่งเลย ซึ่งสามปีมันคือการเรียนรู้กัน ซึ่งมันเป็นเดทไลน์ ว่าเราจะเรียนรู้กันถึงเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าสามปีจะแต่ง ว่าจะสามปีแล้วเราจะไปทางไหนกันดี เรามองเห็นจุดหมายปลายทางเหมือนกันไหม ซึ่งตอนนี้มันยังโอเคอยู่ ยังไปครบตามกำหนดที่เขาตั้งไว้ (ยิ้ม)“

    ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama