ผู้เขียน: admin

  • KUBET – เปิดผลวิจัย “ระยะเวลาปัสสาวะ” อาจเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพ ควรฉี่ประมาณกี่วิ?

    รู้ไว้ดีกว่า “กฎแห่งการปัสสาวะ” ระยะเวลาที่ปัสสาวะ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกปัญหาสุขภาพร้ายแรง ผู้เชี่ยวชาญเฉลย ควรฉี่ประมาณกี่วิ?

    แม้การจับเวลาตอนเข้าห้องน้ำอาจฟังดูแปลก ๆ แต่จริง ๆ แล้วอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณมากทีเดียว

    ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การสังเกตว่าเราปัสสาวะนานแค่ไหน อาจช่วยให้รู้ล่วงหน้าว่ากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะหรือไม่

    แนวคิดนี้มาจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย ซึ่งได้ศึกษาเรื่องนี้จากสัตว์หลากหลายชนิด และค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่าง

    นักวิทยาศาสตร์ได้นั่งดูวิดีโอความเร็วสูงของสัตว์หลากหลายชนิดขณะปัสสาวะ เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่จึงมีรูปแบบการปัสสาวะคล้ายกัน

    พวกเขาศึกษาสัตว์หลายชนิด เช่น หนู แพะ วัว และช้าง ก่อนจะสังเกตเห็นรูปแบบการปัสสาวะที่น่าสนใจ

    ทีมนักวิจัยจากสหรัฐฯ ซึ่งคว้ารางวัลอิกโนเบล (Ig Nobel Prize) ในปี 2015 จากงานวิจัยนี้ พบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีน้ำหนักเกิน 3 กิโลกรัม ล้วนสามารถปัสสาวะจนหมดกระเพาะได้ภายในเวลาราว 21 วินาที

    ทีมงานตีพิมพ์ผลการศึกษานี้ในวารสาร PNAS เมื่อปี 2014 โดยอธิบายว่า “แรงโน้มถ่วง” คือปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อระยะเวลาการปัสสาวะ

    ในรายงานระบุว่า “เหตุใดกระเพาะปัสสาวะของสัตว์ที่หนักเพียง 0.5 กิโลกรัมและ 100 กิโลกรัมจึงใช้เวลาเท่ากันในการขับถ่าย? คำตอบคือ สัตว์ขนาดใหญ่จะมีท่อปัสสาวะยาวกว่า ทำให้แรงโน้มถ่วงช่วยเพิ่มแรงดันและอัตราการไหลของปัสสาวะ”

    “ท่อปัสสาวะที่ยาวขึ้นนี้ช่วยให้สัตว์ใหญ่สามารถระบายปัสสาวะปริมาณมากได้ภายในเวลาใกล้เคียงกับสัตว์เล็ก”

    “แม้สัตว์แต่ละชนิดจะมีน้ำหนักแตกต่างกันมาก แต่เวลาที่ใช้ในการปัสสาวะกลับคงที่ในสัตว์ที่มีน้ำหนักเกิน 3 กิโลกรัม”

    “จุดนี้น่าสนใจมาก เพราะกระเพาะปัสสาวะของช้างจุได้ถึง 18 ลิตร ซึ่งมากกว่าของแมวที่จุได้เพียง 5 มิลลิลิตร ถึงประมาณ 3,600 เท่าเลยทีเดียว”

    ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ เพราะนักวิจัยเชื่อว่าการศึกษานี้อาจช่วยวินิจฉัยปัญหาทางเดินปัสสาวะในสัตว์ได้

    และนี่แหละที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ ถ้าคุณกำลังสงสัยว่างานวิจัยเรื่องปัสสาวะของสัตว์จะเชื่อมโยงกับมนุษย์อย่างไร นี่คือคำตอบ

    ในฐานะที่เราก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่นกัน ผลการวิจัยนี้จึงสามารถให้แนวทางคร่าว ๆ ว่า การปัสสาวะของเราควรใช้เวลาประมาณเท่าไร

    Markus Spiske

    พยาบาล ดร.จานิส มิลเลอร์ กล่าวกับเว็บไซต์ Well and Good ว่า กฎ 21 วินาทีนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพของตัวเองได้

    แม้ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำอาจไม่ใช้เวลาตรงเป๊ะ 21 วินาที แต่ก็ถือเป็นมาตรฐานคร่าว ๆ ที่ควรพึงระวังไว้

    ตามข้อมูลจาก IFL Science หากคุณใช้เวลาปัสสาวะนานหรือสั้นกว่าค่าเฉลี่ยมาก อาจเป็นสัญญาณของสุขภาพกระเพาะปัสสาวะที่ไม่ดี ภาวะบวม การติดเชื้อ หรือปัญหาต่อมลูกหมากในสัตว์ และสิ่งเดียวกันนี้ก็อาจเกิดขึ้นกับมนุษย์เช่นกัน

    หากคุณรู้สึกว่าต้องใช้เวลานานกว่าจะปัสสาวะหมด หรือเข้าห้องน้ำบ่อยผิดปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาที่จะตามมาในอนาคต

    ถ้าคุณปัสสาวะเกิน 21 วินาทีบ่อย ๆ กระเพาะปัสสาวะอาจขยายตัวจนเสียความยืดหยุ่น และทำงานได้ไม่เต็มที่

    ในทางกลับกัน หากกลั้นปัสสาวะบ่อยเกินไป ก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) หรือปัญหาเกี่ยวกับไต

    ปัสสาวะบ่อยเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน เพราะอาจเป็นภาวะ “กระเพาะปัสสาวะไวเกิน” ซึ่งทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะแม้จะยังไม่เต็มกระเพาะ

    แล้วในหนึ่งวันควรเข้าห้องน้ำกี่ครั้ง? แพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะ Dr. Nicole Eisenbrown แนะนำว่า หากคุณดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ควรปัสสาวะประมาณ 8 ครั้งต่อวัน

    เพราะฉะนั้น…ถ้าวันหนึ่งคุณเห็นนาฬิกาจับเวลาอยู่บนอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ก็อย่าเพิ่งแปลกใจเกินไปนะ!

  • KUBET – พยาบาลปวดขา รอการรักษา 16 ชั่วโมง ฟื้นขึ้นมาอีกทีช็อก หมอบอก “ตัดไปแล้ว”

    พยาบาลปวดขา อดทนรอการรักษา 16 ชั่วโมง เพราะหมอตรวจไม่ละเอียด ฟื้นขึ้นมาอีกทีหมอบอก “ตัดไปแล้ว” 

    หญิงสาววัย 26 ปีในอังกฤษซึ่งเป็นพยาบาล ต้องเผชิญเหตุการณ์สะเทือนใจ หลังเธอเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลท้องถิ่นด้วยอาการปวดขารุนแรง แต่กลับถูก ปล่อยให้รอการรักษานานถึง 16 ชั่วโมง จนกระทั่งเมื่อตื่นจากการผ่าตัด ก็พบว่าขาซ้ายของเธอถูก ตัดออกไปแล้ว

    ตามรายงานจาก The Sun เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ขณะนั้น มอลลี่ ฮาร์บรอน (Molly Harbron) อายุ 22 ปี กำลังทำงานเป็นพยาบาล เธอมีอาการ ปวดขาซ้ายอย่างรุนแรง ชา เย็นจัด และเริ่มเปลี่ยนสี จึงรีบไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเวสต์ยอร์กเชอร์ แพทย์สงสัยว่าเธออาจเป็น ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำชั้นลึก (DVT) ซึ่งถือว่าอันตรายถึงชีวิต

    อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลกลับไม่ดำเนินการรักษาโดยทันที และปล่อยให้รอจนกระทั่งผ่านไป กว่า 16 ชั่วโมง จึงเริ่มผ่าตัด ซึ่งล่าช้าเกินไป เมื่อเธอฟื้นจากยาสลบ แพทย์ก็แจ้งข่าวร้ายว่าขาซ้ายของเธอถูกตัดไปแล้ว และถึงกับโชว์ขาส่วนที่ถูกตัดออก

    มอลลี่เผยว่าเธอรู้สึกเหมือนฝันร้าย เมื่อรู้ว่าตัวเองเสียขาไปถึงกับร้องไห้ฟูมฟาย เธอเคยมีชีวิตที่แอคทีฟ ชอบวิ่งสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และรักในงานพยาบาล แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เธอรู้สึกหมดคุณค่าในชีวิต และหลังจากนอนโรงพยาบาล 18 วัน เธอก็ตัดสินใจลาออกจากงาน

    ต่อมาโรงพยาบาลออกมายอมรับว่า แพทย์ไม่ได้ตรวจละเอียดในตอนแรก และหากเธอได้ผ่าตัดตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มในคืนที่เข้ารับการรักษา ก็อาจไม่ต้องถูกตัดขา โดยระบุว่าเป็นความบกพร่องของทีมแพทย์

    จากเหตุการณ์นี้ มอลลี่ได้ว่าจ้างทนายความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโรงพยาบาล เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการทำกายภาพบำบัดและดูแลขาเทียมตลอดชีวิต

    ผ่านมาเกือบ 5 ปี มอลลี่สามารถปรับตัวกับการใช้ขาเทียมได้ดี เธอสามารถเดินลงบันไดไปซื้อของ ขับรถ และใช้ชีวิตได้ตามปกติ นอกจากนี้ หนึ่งเดือนหลังผ่าตัด เธอก็พบกับคนรักและปัจจุบันแต่งงานกันแล้ว

    แม้จะสามารถใช้ชีวิตใหม่ได้ แต่มอลลี่ยังย้ำว่า เธอหวังว่าเรื่องราวของเธอจะช่วยเป็นอุทาหรณ์ เพื่อไม่ให้ใครต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับเธออีก

  • KUBET – อัปเดต วันหยุดธนาคารเดือนเมษายน 2568 ธนาคารหยุดวันไหนบ้าง

    วันหยุดธนาคารเดือนเมษายน 2568 เปิดปฎิทินเทศกาลสงกรานต์ เดือนเมษายน 68 ธนาคารหยุดวันไหนบ้าง

    มาอัปเดต วันหยุดธนาคารเดือนเมษายน 2568 โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย เคยประกาศวันหยุดตามประเพณีของสถาบันการเงินปี 2568 ไว้แล้วดังนี้

    วันหยุดธนาคาร เดือนเมษายน 2568

    • วันจันทร์ที่ 7 เมษายน 2568 วันชดเชยวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ (วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2568)
    • วันจันทร์ที่ 14 เมษายน 2568 วันสงกรานต์
    • วันอังคารที่ 15 เมษายน 2568 วันสงกรานต์

    วันหยุดธนาคารเดือนเมษายน 2568 วันหยุดธนาคารเดือนเมษายน 2568

  • KUBET – สาวถูกบริษัทไล่ออก เพราะเลิกงานก่อนเวลา 1 นาที จำนวน 6 วัน ศาลตัดสินแล้วใครผิด?

    สาวถูกบริษัทไล่ออก เหตุเพราะเลิกงานก่อนเวลา 1 นาที จำนวน 6 วัน ในปี 2024 ศาลตัดสินแล้วใครผิด?

    บริษัทและองค์กรต่าง ๆ มักกำหนดเวลาเข้า-ออกงานให้กับพนักงาน โดยทั่วไปพนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ต้องเข้างานและเลิกงานตรงเวลา ยกเว้นบางตำแหน่งที่ไม่ต้องลงเวลาทำงาน

    หญิงสาวชาวจีนแซ่หวังคนหนึ่ง เพิ่งถูกบริษัทที่เธอทำงานมา 3 ปี ในเมืองเจิ้งเฉิง มณฑลกวางโจว เลิกจ้างโดยไม่คาดคิด เหตุผลที่บริษัทอ้างคือ เธอเลิกงานก่อนเวลา 1 นาที จำนวน 6 วันในปี 2024

    โดยฝ่ายบุคคลของบริษัทได้นัดเธอไปพูดคุย และยื่นภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอออกจากที่ทำงานก่อนเวลาเลิกงาน 1 นาทีใน 6 วันดังกล่าว พร้อมอ้างว่าตามระเบียบของบริษัทต้องลงโทษถึงขั้นเลิกจ้าง

    หวังไม่พอใจต่อการตัดสินใจดังกล่าว จึงยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานแรงงาน และยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอไกล่เกลี่ยและชี้ขาด

    แม้ว่าหลักฐานจากกล้องวงจรปิดจะยืนยันว่าเธอออกจากที่ทำงานเร็วจริง แต่ศาลเห็นว่าการถือว่านี่เป็นการ “เลิกงานก่อนเวลา” และนำมาใช้เป็นเหตุเลิกจ้างนั้น เกินกว่าเหตุและไม่สมเหตุสมผล อีกทั้งบริษัทไม่เคยออกหนังสือเตือนหรือมีบทลงโทษล่วงหน้า แต่กลับเลิกจ้างทันทีหลังเหตุการณ์ผ่านไปหลายเดือน จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    ศาลจึงตัดสินให้บริษัทจ่ายเงินชดเชยแก่หวัง เนื่องจากเลิกจ้างโดยมิชอบ

    หลังจากกรณีนี้กลายเป็นข่าวในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เช่น

    • “พนักงานมาก่อนเวลาไม่เคยได้โบนัส กลับบ้านเร็ว 1 นาทีโดนไล่ออก แบบนี้ก็ได้เหรอ”

    • “บ้าไปแล้ว บริษัทแบบนี้สมควรแล้ว”

    • “ศาลตัดสินถูกต้องแล้ว ยืนอยู่ข้างความยุติธรรม”

  • KUBET – ไฟลุก “คิมเบอร์ลี่” ภาพเด็ดบิกินี่ตัวจิ๋ว ร้อนแรงแซงอุณหภูมิไปเลย

    คิมเบอร์ลี่ เกี่ยวก้อยสามีสุดที่รัก หมาก ปริญ เช็กอินทะเลภูเก็ต มากับบิกินี่ตัวจิ๋วร้อนแรงแซงอุณหภูมิไปเลย

    นางเอกสาว คิมเบอร์ลี่ ภรรยาสุดที่รักของพระเอกสุดหล่อ หมาก ปริญ หลังจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพและต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ต้องเลื่อนการมีเบบี๋ออกไปก่อนรอให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์มากกว่านี้ และในช่วงเวลาดังกล่าวเธอขอพักผ่อนแบบเต็มที่จริงๆ 

    ล่าสุด คิมเบอร์ลี่ เกี่ยวก้อยสามี หมาก ปริญ เช็กอินทะเลภูเก็ต แน่นอนว่ามาทะเลเพื่อพักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติ ชุดว่ายน้ำต้องมา บิกินี่ตัวจิ๋วตัวโปรดต้องมาสำหรับสาวๆ  

    และ คิมเบอร์ลี่ ขอจัดเต็มแบบเซ็กซี่กับบิกินี่ตัวจิ๋วที่เปลือยผิวสวยท้าแดดท้าลม เรียกว่าร้อนแรงแซงโค้งอุณหภูมิซัมเมอร์ไปเลย

  • KUBET – เปิดชีวิตดาวค้างฟ้า วัย 70 ปี ตำนานตงฟางปุ๊ป้าย-นางพญาผมขาว สวยและรวยมหาศาล

    เปิดชีวิตนางเอกดาวค้างฟ้า วัย 70 ปี “หญิงงามที่ 50 ปีจะมีสักคน” ตำนานตงฟางปุ๊ป้าย-นางพญาผมขาว สวยและรวยมหาศาล

    หลิน ชิงเสีย (林青霞) เป็นไอคอนความงามแห่งเอเชียในยุค 80-90 เคียงข้างกับ จางม่านอวี้, กวนจือหลิน และหลี่เจียซิน จนได้รับฉายาว่า “สี่เทพธิดา” เธอมีรูปลักษณ์อ่อนหวาน ดวงตาโต จมูกโด่ง และผิวขาวเนียน เธอก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์โดยบังเอิญเมื่อถูกค้นพบที่ไทเป

    อาชีพนักแสดงของเธอมีจุดสูงสุดสองช่วง คือ หนังรักในยุค 70 และหนังแนวกำลังภายในฮ่องกงในยุค 90 หลินชิงเสียได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้หญิงมหัศจรรย์” แห่งวงการบันเทิงจีนจากทั้งฝีมือและความงาม ผู้กำกับชื่อดังอย่าง “ซูเข่อ” เคยกล่าวว่าเธอคือ “หญิงงามที่ห้าสิบปีจะมีสักคน” ส่วนโจวซิงฉือก็เคยกล่าวชื่นชมว่าเธอสวยจับใจแบบที่ใคร ๆ ก็หลงรัก

    ผลงานที่เป็นภาพจำของหลายคนคือบท ตงฟางปุ๊ป้าย จากเดชคัมภีร์เทวดา (1992) และ นางพญาผมขาว (1993)

    ความรักสุดอลังการกับมหาเศรษฐี

    การแต่งงานของหลินชิงเสียกับมหาเศรษฐี “ฮิงหลี่หยวน” เคยเป็นที่พูดถึงอย่างมากในฮ่องกง เพราะความรวดเร็วในการตัดสินใจแต่งงานหลังคบกันเพียง 6 เดือน ทั้งที่ทั้งสองมีบุคลิกและรูปลักษณ์ที่ต่างกันมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อชีวิตคู่ของพวกเขา หลังแต่งงาน หลินชิงเสียเปลี่ยนจากดาราเป็นเศรษฐีนี ใช้ชีวิตหรูหรา ครอบครองทั้งอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์หรู และมักปรากฏตัวในชุดแบรนด์เนมหรูจาก Dior, Chanel, Lanvin และ Hermès

    ตามรายงานของ Forbes ปี 2022 ฮิงหลี่หยวนมีทรัพย์สินราว 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดอันดับ 1 ใน 50 คนที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง เขารักภรรยาอย่างมาก มักมอบของขวัญเป็นอสังหาริมทรัพย์ เครื่องประดับ และงานศิลปะล้ำค่าอยู่เสมอ

    ปัจจุบัน หลินชิงเสียอาศัยอยู่ในคฤหาสน์มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 3,630 ล้านบาท) บนเนินเขา Fei Ngo Shan ของฮ่องกง มีพื้นที่ 5,000 ตร.ม. ถูกออกแบบให้เป็นรีสอร์ตส่วนตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสุดหรู เช่น สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส โรงภาพยนตร์ ห้องสมุด แกลเลอรี และฟาร์มผักออร์แกนิก

    ชีวิตในวงการและเรื่องราวหลังม่าน

    แม้จะไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะบ่อยนัก หลินชิงเสียก็ยังถือเป็นดาวค้างฟ้าผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง รายงานระบุว่า เธอเคยรับงานรายการเรียลลิตี้ โดยได้ค่าตัวในระดับ “พิเศษ” คาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านหยวน (ประมาณ 6.9 ล้านบาท) ในปี 2014 ช่อง Beijing Satellite เคยยื่นข้อเสนอให้เธอรับบทนำในภาพยนตร์โดยเสนอค่าตัว 5 ล้านหยวน (ประมาณ 17 ล้านบาท) แต่เธอปฏิเสธ

    ชีวิตคู่ที่สั่นคลอนและการตัดสินใจครั้งใหญ่

    แม้ดูเหมือนว่าชีวิตแต่งงานของหลินชิงเสียจะสมบูรณ์แบบ แต่ก็มีข่าวลือว่ามีปัญหามานาน โดยเฉพาะข่าวลือเรื่องสามีนอกใจตั้งแต่ปี 2012 สาเหตุเชื่อว่าเพราะเขาต้องการมีลูกชาย แต่หลินชิงเสียมีเพียงลูกสาว เขาจึงถูกลือว่ามีภรรยาน้อยที่เซี่ยงไฮ้และมีลูกชายกับหญิงคนนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ย่ำแย่ และหลินชิงเสียถึงขั้นซึมเศร้า ต้องพบจิตแพทย์

    ท้ายที่สุด นักแสดงหญิงระดับตำนานตัดสินใจหย่าเพื่อปลดปล่อยตัวเอง หลังดำเนินการเรื่องเอกสารและขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จสิ้น เธอได้รับเงินค่าชดเชยจำนวน 2 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 5,966 ล้านบาท) จากอดีตสามีมหาเศรษฐี

  • KUBET – “อาเล็ก” ขอ “โบว์” แต่งงาน? บรรยากาศโรแมนติก ทุกอย่างเป็นใจ แฟนๆ รอกรี๊ดแล้ว

    อาเล็ก ซีนหวานกับแฟนสาว โบว์ เมลดา บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ แฟนคลับเฮเลย ขอแต่งงาน? 

    พระเอกอารมณ์ดี อาเล็ก ธีรเดช หลังคบกับนางเอกสาว โบว์ เมลดา ขึ้นปีที่ 4 แล้ว ความหวานความคลั่งรักมีขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าไม่มีแผ่วเลยสักปี และในงานบอลช่อง 3 มีซีนน่ารัก โบว์ เมลดา จุ๊บแก้ม อาเล็ก ให้กำลังใจก่อนยิงลูกโทษ บอกเลยว่าซีนนี้แฟนคลับกรี๊ดดังมาก ภาพขอแต่งงานภาพงานวิวาห์ชัดมาก 

    ล่าสุด อาเล็ก ได้ลงภาพของบรรยากาศโรแมนติกท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงส้มสวยงาม และภาพของ โบว์ เมลดา แฟนสาวอยู่ในชุดเดรสยาวสีเหลือง แม้จะมาแค่ด้านหลังแต่ความสวยยังออร่ามาเต็มเฟรมจริงๆ ท่ามกลางบรรยกาศโรแมนติกนี้เอง แฟนๆ แห่คอมเมนต์กันสนั่นมาก เหมือนซีนขอแต่งงานยังไงยังงั้นเลยทีเดียว  

    เอ๊ะๆ หรือว่าใช่กันนะ!!! ต้องบอกว่าหากใช่จริงๆ แฟนคลับพร้อมกรี๊ดรอแสดงความยินดีกันแล้ว

  • KUBET – นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ “วิธีต้มไข่ให้สุกพอดีทุกครั้ง” ลองดูว่าจะทำตามไหม

    ไข่ต้มสุกอาจเป็นหนึ่งในอาหารที่ทำง่ายที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในอาหารที่ทำยากที่สุดเช่นกัน (มีเหตุผลที่คุณเห็นเคล็ดลับการต้มไข่ต้มสุกมากมาย!) การต้มไข่ให้ได้ความสุกที่พอดี และทำให้ปอกเปลือกง่าย อาจต้องใช้การลองผิดลองถูกมากมาย และดูเหมือนว่าจะต้องอาศัยโชคช่วย
    แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพวกเขาอาจไขปริศนาวิธีการต้มไข่ต้มสุกให้สมบูรณ์แบบ ด้วยไข่แดงที่นุ่มละมุน และไข่ขาวที่แข็ง (แต่ไม่แข็งจนเกินไป!) ได้แล้ว และนี่คือเคล็ดลับต้มไข่สุกแบบวิทยาศาสตร์

    เคล็ดลับต้มไข่ต้มสุกแบบวิทยาศาสตร์

    นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบวิธีการต้มไข่ต้มสุกให้ได้ไข่แดงที่นุ่มละมุน และไข่ขาวที่แข็งกำลังดี โดยใช้วิธีที่เรียกว่า “การต้มแบบเป็นช่วงๆ” ซึ่งทำได้ดังนี้

    1.เตรียมไข่และน้ำ

    • นำไข่ที่เพิ่งออกจากตู้เย็นมาแช่ในน้ำอุ่นก่อน เพื่อป้องกันเปลือกไข่แตกจากความร้อนที่เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป
    • ต้มน้ำในหม้อให้เดือด

    2. ต้มไข่แบบเป็นช่วงๆ

    • นำไข่ไปต้มในน้ำเดือด 2 นาที
    • ย้ายไข่ไปแช่ในน้ำอุณหภูมิ 30.5 องศาเซลเซียสประมาณ 2 นาที
    • ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 และ 2 ไปเรื่อยๆ เป็นเวลาทั้งหมด 32 นาที

    3.ข้อควรระวัง

    • ต้องคอยควบคุมอุณหภูมิน้ำอุ่นให้คงที่ เพราะไข่ที่ร้อนจะทำให้อุณหภูมิน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    • ควรใช้น้ำปริมาณมากพอที่จะท่วมไข่ทั้งหมด เพื่อให้ไข่สุกทั่วถึง

    ผลลัพธ์ของไข่ต้มสุกแบบ “สมบูรณ์แบบ”

    หลังจากทำตามขั้นตอนการต้มไข่แบบสลับน้ำร้อนน้ำเย็น และคอยวัดอุณหภูมิเป็นเวลา 32 นาที ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจมาก ไข่ที่แช่ในน้ำอุณหภูมิห้อง (ประมาณ 25 องศาเซลเซียส) ในช่วง 2 นาทีสุดท้ายของการต้มนั้นเย็นลงและพร้อมปอกเปลือกทันทีที่หมดเวลา และที่น่าทึ่งคือเปลือกไข่หลุดออกมาง่ายมาก แทบจะหลุดออกมาเป็นชิ้นเดียวโดยไม่ต้องออกแรง (ปกติแล้ว เวลาปอกไข่ต้มสุก ไข่ขาวมักจะติดเปลือกและหลุดออกมาด้วยเสมอ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม)

    สรุปผลลัพธ์:

    • เปลือกไข่ปอกง่ายมาก แทบจะหลุดออกมาเป็นชิ้นเดียว
    • ไข่ขาวสุกกำลังดี ไม่แข็งกระด้าง
    • ไข่แดงมีลักษณะนุ่มละมุน ไม่แห้ง

    รสชาติและเนื้อสัมผัสของไข่ต้มสุกแบบ “สมบูรณ์แบบ”

    แล้วรสชาติและเนื้อสัมผัสของไข่ต้มสุกแบบนี้เป็นอย่างไร? เมื่อปอกเปลือกออก ไข่ต้มสุกที่ได้จะมีความนุ่มกว่าไข่ต้มสุกแบบดั้งเดิมเล็กน้อย แต่เมื่อผ่าออกมา จะเห็นได้ชัดว่าไข่สุกกำลังดี ไข่ขาวนุ่มแต่แน่น (ไม่มีเนื้อสัมผัสเหมือนยาง!) และไข่แดงนุ่มละมุนและอร่อยมาก สรุปได้ว่า นี่อาจเป็นหนึ่งในไข่ต้มสุกที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมา

    สรุปผลลัพธ์ด้านรสชาติและเนื้อสัมผัส

    • ไข่ขาว:
      • นุ่มแต่แน่น ไม่เหนียวเหมือนยาง
      • สุกกำลังดี ไม่แข็งกระด้าง
    • ไข่แดง:
      • นุ่มละมุน ไม่แห้ง
      • รสชาติอร่อย

    ข้อสังเกต:

    • ไข่ต้มสุกด้วยวิธีนี้มีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากไข่ต้มสุกแบบดั้งเดิม
    • รสชาติของไข่แดงนั้นเข้มข้นและอร่อยเป็นพิเศษ
  • KUBET – “คารีสา-แพร” ประชันอวดท้องใหญ่ คอมเมนต์ถล่ม ตั้งท้องกันตอนไหนแต่สวยมาก

    มีคอนเทนต์เก๋ๆ มาเสิร์ฟให้ได้ติดตามกันอยู่เสมอ สำหรับนักแสดงสาว คารีสา สปริงเก็ตต์ จนทำให้หลายคนตกหลุมรักในความโก๊ะๆ น่ารักๆ ของเธออย่างไม่รู้ตัว

    ล่าสุด คารีสา ได้เผยคลิปขณะกำลังประชันท้องใหญ่คู่กับเพื่อนสนิท แพร์ พิชชาภา โดยได้หมุนให้เห็นกันแบบทุกมุมทุกองศาไปเลย

    งานนี้แฟนๆ ต่างเข้ามาคอมเมนต์กันกระหน่ำ อาทิ “เอ้า ละนึกว่าคาริสาท้อง”, “กำลังจะเมนต์บอกคาริสาท้องแล้วสวยสุดๆ”, “แล้วคาริสา เหมือนมากกกก”, “นึกว่าเราจะเป็นแค่คนเดียวที่มีพุงหลังกินอิ่ม คนสวยๆเขาก็มี เอาล่ะสบายใจกินต่อ”, “คาริสา เหมือนมากกก”, “คิดไปไกลแล้วน่ะพร้อมตั้งชื่อน้องแล้วน่ะคาริ” เป็นต้น

    ซึ่งทางด้าน คารีสา เอง ได้เขียนในคลิปเป็นการเฉลยไว้แล้วว่า “POV: เมื่อฉันคิดว่าตัวเองท้อง (ไม่ถูก), กินเยอะ (ถูก)”

     

  • KUBET – “อย่ากดชักโครกขณะขับถ่าย” สิ่งที่ทำกันเป็นประจำ มันอันตรายกว่าที่คิด

    หลายคนอาจเผลอกดชักโครกระหว่างขับถ่ายเพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมนี้อาจทำให้คุณเผชิญกับเชื้อโรคมากกว่าที่คิด

    ทำไมการกดชักโครกขณะขับถ่ายถึงเสี่ยงต่อสุขภาพ?

    1. ระเบิดเชื้อโรคสู่ร่างกาย

    เมื่อกดชักโครก น้ำจะสร้างแรงดันอากาศ ทำให้เชื้อโรค เช่น อีโคไล, ซัลโมเนลลา และ โนโรไวรัส ฟุ้งกระจายไปในอากาศได้ไกลถึง 6 เมตร และสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานถึง 2 ชั่วโมง

    เชื้อโรคเหล่านี้อาจตกลงบนพื้นผิวต่างๆภายในห้องน้ำ และสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัส ส่งผลให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหารและการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

    g2. ขัดขวางระบบขับถ่าย

    เสียงกดชักโครกอาจรบกวนระบบประสาทและส่งผลต่อกล้ามเนื้อหูรูด ทำให้เกิดอาการ อยากถ่ายไม่สุด ซึ่งหากเกิดขึ้นบ่อยๆ อาจส่งผลให้ลำไส้ใหญ่ไวต่อสิ่งเร้าลดลง และนำไปสู่ อาการท้องผูกเรื้อรัง

    3. ฝาชักโครกไม่ใช่ตัวช่วยป้องกัน 100%

    แม้ว่าการปิดฝาชักโครกจะช่วยลดการกระจายของละอองน้ำ แต่หากเป็นพื้นที่ปิด อากาศภายในห้องน้ำจะทำให้เชื้อโรคสะสมและเข้มข้นขึ้น

    20151110lnp1-toilet

    วิธีใช้ห้องน้ำอย่างถูกสุขลักษณะ

    – เปิดพัดลมดูดอากาศก่อนเข้าห้องน้ำ เพื่อลดความชื้นและการสะสมของเชื้อโรค

    – ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำหลังขับถ่าย เพื่อลดการกระจายของเชื้อโรค

    – ทำความสะอาดฝารองนั่ง ด้วยแผ่นเช็ดฆ่าเชื้อก่อนใช้งาน

    – ล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 30 วินาที ทุกครั้งหลังใช้ห้องน้ำ

    n

    ห้องน้ำสาธารณะ – แหล่งสะสมเชื้อโรคที่ต้องระวัง

    ปุ่มกดชักโครก: มีเชื้อโรคมากกว่าปุ่มกดโทรศัพท์ถึง 7 เท่า

    ลูกบิดประตู: พื้นที่สัมผัสร่วมที่มักเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย

    เครื่องเป่ามือ: ลมร้อนสามารถพัดพาเชื้อโรคให้ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องน้ำ

    ก๊อกน้ำ: จุดที่เชื้อโรคชอบเกาะตัว โดยเฉพาะห้องน้ำที่มีน้ำขัง

    file

    คำแนะนำเพื่อสุขอนามัยที่ดี

    – พกสเปรย์ฆ่าเชื้อและเจลล้างมือแอลกอฮอล์ 75% ติดตัวไว้เสมอ

    – หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของในห้องน้ำสาธารณะโดยตรง

    – ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้ห้องน้ำ

    ความสะอาดของห้องน้ำไม่ได้ขึ้นอยู่กับสุขภัณฑ์ แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา

    การทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการสะสมของเชื้อโรคและช่วยป้องกันโรคภัยต่างๆ การใช้ห้องน้ำอย่างถูกวิธี ไม่เพียงช่วยให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย