ผู้เขียน: admin

  • KUBET – เปิดภาพ “บุ้ง ใบหยก” สมัยเป็นเชียร์หลีดเดอร์จุฬาฯ สวยหวาน นานๆจะได้เห็น

    ขอย้อนวันวานให้หายคิดถึงกันซะหน่อย สำหรับ บุ้ง ใบหยก ภรรยาสุดที่รักของ เวฟ สาริน หลังจากได้หยิบภาพถ่ายสมัยสาวๆ มาโพสต์ลงอินสตาแกรมให้ได้เห็น

    โดย บุ้ง ใบหยก เลือกภาพตอนเป็นนักศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้เป็นเชียร์หลีดเดอร์อีกด้วย

    “#ภาพเก่าเก็บ เห็นแล้วยิ้ม เชิญชวนน้องพี่สีชมพู ร่วมแบ่งปันความทรงจำประทับใจ “โพสต์ภาพสมัยเป็นนิสิต ใต้ร่มจามจุรี” ในคอมเม้นต์ มาร่วมแบ่งปันความทรงจำดี ๆ ด้วยกันนะคะ #คืนเหย้าชาวจุฬาฯ2568 #108ปีจามจุรีประดับใจ #chula108 ขอเชิญชวนน้องพี่ชาวจุฬาฯ สวมเสื้อสีชมพู ร่วมงานคืนเหย้าชาวจุฬาฯ ”108 ปี จามจุรีประดับใจ“ พุธที่ 26 มีนาคมนี้ 17.00 น. เป็นต้นไป ลงทะเบียนหน้างาน ฟรี ค่าเข้างาน, คูปองอาหาร และเสื้อที่ระลึก”

    งานนี้ทำเอาเพื่อนพ้องและแฟนๆ ต่างเข้ามากดไลก์ พร้อมทั้งยังชื่นชมในความสวยสดใสของ บุ้ง ใบหยก กันอย่างยกใหญ่ ซึ่งบอกเลยว่าแทบจะไม่ค่อยมีใครได้เห็นมุมนี้ของเธอเลยจริงๆ

    “ดาวมหาลัย”, “พส จุฬา”, “Hahahahhaha น่ารัก สาวหวาน”, “น้องบุ้งน่าร้ากกกกกมากกกกก”, “แม่บุ้งสวยมาก”, “น่ารักสดใสมากค่ะ”

  • KUBET – “โอเลี้ยง” นับเป็น “กาแฟดำ” หรือ “อเมริกาโน” หรือไม่? แล้ว “โอเลี้ยงยกล้อ” คืออะไร?

    “โอเลี้ยง” นับเป็น “กาแฟดำ” หรือ “อเมริกาโน” หรือไม่? ที่มาของโอเลี้ยงคืออะไร ทำไมถึงชื่อโอเลี้ยง แล้วโอเลี้ยงยกล้อคืออะไร?

    โอเลี้ยง คืออะไร?
    “โอเลี้ยง” เป็นเครื่องดื่มกาแฟที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมายาวนาน มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวจีนแต้จิ๋ว โดย “โอเลี้ยง” ในภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า “กาแฟดำเย็น” ซึ่งมาจากคำว่า “โอ” ที่หมายถึง “ดำ” และ “เลี้ยง” ที่แปลว่า “เย็น” โอเลี้ยงจึงเป็นกาแฟดำเย็นที่ปรุงด้วยกาแฟผงคั่วและน้ำตาลผสมกับน้ำร้อน จากนั้นใส่น้ำแข็งลงไปเพื่อให้ได้เครื่องดื่มเย็นสดชื่น

    โอเลี้ยงนับเป็นกาแฟดำหรืออเมริกาโนหรือไม่?
    โอเลี้ยงมีความคล้ายคลึงกับ “กาแฟดำ” หรือ “อเมริกาโน” ในแง่ของการไม่เติมนมหรือครีม อย่างไรก็ตาม โอเลี้ยงมักจะใส่น้ำตาลหรือใช้ส่วนผสมอื่นๆ เช่น สมุนไพรหรือเครื่องเทศบางชนิด ทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งต่างจากกาแฟดำแบบตะวันตกที่มักจะไม่ใส่น้ำตาลหรือมีรสชาติที่เป็นธรรมชาติของเมล็ดกาแฟเพียงอย่างเดียว ดังนั้น โอเลี้ยงไม่สามารถนับเป็นอเมริกาโนได้ แต่สามารถนับเป็นกาแฟดำในรูปแบบเฉพาะของไทย

    ที่มาของโอเลี้ยงและทำไมถึงชื่อโอเลี้ยง?
    ที่มาของโอเลี้ยงมีรากฐานมาจากชาวจีนแต้จิ๋วที่เข้ามาในประเทศไทยในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 พวกเขานำวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่ผสมผสานกับวิถีชีวิตท้องถิ่นเข้ามา และปรับสูตรการชงกาแฟให้เข้ากับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย จึงเกิดเป็น “โอเลี้ยง” หรือกาแฟดำเย็นที่เหมาะกับการดื่มในสภาพอากาศร้อนชื้น

    คำว่า “โอเลี้ยง” เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า “กาแฟดำเย็น” และกลายเป็นชื่อเรียกของเครื่องดื่มนี้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย

    โอเลี้ยงยกล้อ คืออะไร?
    “โอเลี้ยงยกล้อ” เป็นเวอร์ชันที่ผสมนมข้นหวานหรือครีมลงในโอเลี้ยง ทำให้มีรสชาตินุ่มละมุนมากขึ้น คำว่า “ยกล้อ” มาจากการเปรียบเทียบกับการบิดมอเตอร์ไซค์ยกล้อให้สนุกและเร้าใจ ซึ่งตรงกับการเพิ่มนมให้โอเลี้ยงมีความเข้มข้นและหวานมันยิ่งขึ้น

    อ้างอิง
    บทความจาก The Culture and History of Chinese Coffee โดย Journal of Chinese Culinary Heritage (2021) กล่าวถึงที่มาของกาแฟในชุมชนชาวจีนแต้จิ๋วและการปรับตัวในประเทศไทย (Wang & Lee, 2021).

  • KUBET – มหาเศรษฐีอายุยืนถึง 99 ปี แม้ออกกำลังกายน้อย-ชอบกินขนมหวาน ความลับอยู่ที่ 4 สิ่งนี้

    มหาเศรษฐีดังระดับโลก อายุยืนถึง 99 ปี แม้จะออกกำลังกายน้อยและชอบกินขนมหวาน แต่ความลับอยู่ที่ 4 สิ่งนี้

    ชาร์ลี มังเกอร์ นักลงทุนผู้มีชื่อเสียงและเป็นหุ้นส่วนคู่หูของวอร์เรน บัฟเฟตต์ เสียชีวิตในปลายปี 2023 ด้วยวัย 99 ปี แม้จะอายุมากแล้ว แต่ชาร์ลี มังเกอร์ยังคงมีสติปัญญาที่เฉียบแหลมและสุขภาพดี แม้จะไม่ค่อยออกกำลังกายและมีความชอบในการทานของหวาน ตามที่เขาเคยบอกกับ CNBC

    หลายคนเคยถามถึงเคล็ดลับในการมีอายุยืนและมีความสุข ชาร์ลี มังเกอร์มองว่าเรื่องนี้ง่ายและเรียบง่าย “ผมมั่นใจว่านิสัยการดื่มน้ำอัดลมมากๆ คงทำให้ผมลดอายุขัยไปบ้าง แต่ผมไม่แคร์” มังเกอร์กล่าว ส่วนใหญ่เคล็ดลับของเขามีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตเป็นหลัก

    หลีกเลี่ยงความเครียดและอารมณ์ลบ

    ชาร์ลี มังเกอร์มองว่า กุญแจสำคัญในการชะลอความชราคือการละทิ้งความอิจฉาริษยา ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อบัณฑิตที่ฮาร์วาร์ดในปี 1986 เขากล่าวว่า ความอิจฉาและสารบางชนิดจะนำไปสู่ความทุกข์ยาก

    หลายปีหลังจากนั้น มังเกอร์ยังคงย้ำคำพูดนี้ โดยในที่ประชุมประจำปี 2022 ของ Daily Journal เขากล่าวว่า “โลกไม่ได้ถูกควบคุมโดยความโลภ แต่โดยความอิจฉา”

    ในการสัมภาษณ์กับ CNBC ชาร์ลี มังเกอร์แนะนำคนรุ่นใหม่ให้หลีกเลี่ยงความโกรธแค้น ซึ่งเขาเคยกล่าวไว้ในสุนทรพจน์ปี 1986 ต่อบัณฑิตว่า “หากคุณไม่อยากให้ชีวิตลำบาก สิ่งที่ดีที่สุดคืออย่าโกรธหรือหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา”

    การศึกษาปี 2018 พบว่า คนที่มักรู้สึกอิจฉาผู้อื่นมักมีสุขภาพจิตที่ไม่ดีและมีความสุขต่ำ ผู้ที่เข้าร่วมการสำรวจของ NerdWallet กล่าวว่า ความอิจฉามีผลกระทบเสียหายต่อสุขภาพจิต ทำให้พวกเขารู้สึกวิตกกังวลหรือเป็นโรคซึมเศร้า

    การรักษาจิตใจให้สดใส

    ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพการลงทุน มังเกอร์ ผ่านช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ทั้งการหย่าร้าง ความยากจน การสูญเสียลูกชายวัย 9 ขวบจากมะเร็งเม็ดเลือด และการสูญเสียการมองเห็นข้างหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และเลือกที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง

    มังเกอร์มองว่า “การมีความสุข” คือ “การกระทำที่ฉลาดที่ควรรักษาไว้” และเพื่อให้จิตใจสดใส สิ่งสำคัญคือการปล่อยวางอารมณ์ลบ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตันในปี 2019 พบว่า ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่มีทัศนคติเชิงบวกมีอายุยืนยาวขึ้นเฉลี่ย 11–15% ผู้ที่มีความคิดบวกมีความเสี่ยงต่ำกว่าที่จะเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคหัวใจ และการศึกษานี้ยังพบว่า ผู้ที่มองโลกในแง่ดีมักมีแรงจูงใจมากขึ้นในการดูแลสุขภาพให้ดี

    หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาสูบ

    ชาร์ลี มังเกอร์มองว่า พฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่สามารถ “นำพาคนดีๆ ไปสู่ปัญหาหนัก” โดยเฉพาะเมื่อมีการพึ่งพาสารกระตุ้นเหล่านี้มากเกินไป

    การศึกษาที่ใช้ข้อมูลจากคนกว่า 100,000 คนในยุโรปพบว่า การติดแอลกอฮอล์สามารถ ลดอายุขัยลงได้ถึง 28 ปี โดยทำลายตับ ระบบหัวใจและหลอดเลือด และอาจนำไปสู่การเกิดอัมพาต ส่วนการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักของโรคและการเสียชีวิตทั่วโลก โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่มานาน ผลวิจัยจาก University College London พบว่า แต่ละมวนบุหรี่ สามารถลดอายุขัยเฉลี่ยได้ 20 นาที

    ชาร์ลี มังเกอร์ - วอร์เรน บัฟเฟตต์ (ขวา)David Silverman / Getty Images)ชาร์ลี มังเกอร์ – วอร์เรน บัฟเฟตต์ (ขวา)

    มีความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ

    มังเกอร์มองว่า การสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่น่าเชื่อถือและหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่เป็นพิษมีส่วนช่วยให้เขาประสบความสำเร็จและมีความสุข หนึ่งในผู้ที่เขาผูกพันมายาวนานคือลอร์เรน บัฟเฟตต์ ทั้งสองพบกันครั้งแรกที่เมืองโอมาฮา รัฐเนบราสก้า สหรัฐอเมริกาในปี 1959 และมีมิตรภาพยาวนานกว่า 60 ปี

    การศึกษาที่ดำเนินมา 85 ปีจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า ความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้คนมีความสุขและอาจทำให้พวกเขามีอายุยืนยาวขึ้น ดร.โซฟียา มิลแมน รองศาสตราจารย์ด้านการแพทย์และพันธุศาสตร์จากสถาบันวิจัยวัยชราแห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สหรัฐฯ กล่าวว่า ผู้ที่มีอายุเกิน 100 ปีหลายคนมักให้ความสำคัญกับผลกระทบเชิงบวกของความสัมพันธ์รอบตัวต่ออายุขัยของพวกเขา

  • KUBET – “เซบาสเตียน ลี” พูดถึงความร่ำรวย ยอมรับไม่ได้รวยอย่างที่ภาพออกไป

    เซบาสเตียน ลี สามีของ ดิว อริสรา ร่ายยาวเรื่องราวส่วนตัว การถูกกล่าวหาผิดๆ ยอมรับไม่ได้รวยจริง

    จากประเด็นร้อนแรงของ ดิว อริสรา ปมยืมของมูลค่า 60 กว่าล้าน ซึ่งทรัพย์สินต่างๆ เป็นของ เมย์ ดร.วาสนา และตอนนี้มีการเจรจาเรื่องการนำของมาคืนจากร้านรับฝาก ส่วนสร้อยคอ lotus arts de vivre ตอนนี้มีการนำมาคืนเป็นที่เรียบร้อนผ่านรายการโหนกระแส

    ต้องบอกว่าเรื่องราวต่างๆ ของ ดิว อริสรา ถูกปล่อยออกมาเป็นระลอก อาทิ เพนท์เฮ้าส์หรูที่เธออยู่กับสามีใจกลางกรุงนั้น แท้จริงเธอไม่ได้ซื้อแต่เป็นการเช่าอยู่เดือนละ 1.5 ล้าน และตอนนี้เธอถูกฟ้องค้างค่าเช่ากว่า 10 ล้านบาท และอีกหลายๆ เรื่องที่ถูกเปิดเผยออกมาทำหลายคนต่างอึ้งกันไปหมด 

     ล่าสุด เซบาสเตียน ลี ได้โพสต์ไอจีสตอรี่ร่ายยาวเรื่องราวชีวิตส่วนตัวและการถูกกล่าวหาผิด โดยบางช่วงบางตอนได้เขียนบอกไว้ว่า ยอมรับไม่ได้รวยจริง

    I also want to address the ongoing speculation about my source of wealth. I am NOT wealthy. If I have anything, it comes from the love and support of my parents, who have worked hard throughout their lives to provide me with opportunities.

    “My true wealth is in my children, who are healthy and thriving. That is what truly matters to me. The things I have today are because my parents worked hard and gave me the option to build my life the way I have. I never claimed to be wealthy, and I ask that people stop speculating about something that is simply not true.

    “ผมขอพูดถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับแหล่งที่มาของความร่ำรวยของผม ผมไม่ได้ร่ำรวยเลยครับ สิ่งที่ผมมีนั้นมาจากความรักและการสนับสนุนจากพ่อแม่ของผม ซึ่งท่านทำงานหนักมาตลอดชีวิตเพื่อมอบโอกาสให้กับผม”

    “ทรัพย์สมบัติที่แท้จริงของผมคือลูกๆ ที่แข็งแรงและมีความสุข นั่นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผม สิ่งที่ผมมีวันนี้ได้เพราะพ่อแม่ทำงานหนักและให้โอกาสผมได้สร้างชีวิตในแบบที่ผมเลือก ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองรวย และขอให้ทุกคนหยุดพูดถึงเรื่องที่ไม่จริงเลยครับ”

  • KUBET – ผู้ป่วยมะเร็งเชื่อ “หมอกูเกิล” ดื่มน้ำดอกมะละกอแทนผ่าตัด ผลลัพธ์ที่ได้ “จำจนตาย”

    ชายป่วยมะเร็ง มีโอกาสหาย 90% แต่กลับไปเชื่อ “หมอกูเกิล” ดื่มน้ำดอกมะละกอ สุดท้ายพลาดเวลาทองในการรักษา

    เมื่อกว่าหนึ่งปีที่แล้ว นายโง วาน เชียน อายุ 65 ปี จากจังหวัดเซินลา ประเทศเวียดนาม เริ่มมีอาการปวดท้องเป็นระยะ คิดว่าเป็นเพียงปัญหาทางเดินอาหารหรืออาการตามวัย จึงซื้อยามากินเอง แต่อาการไม่ดีขึ้น กลับรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร แม้ครอบครัวจะเร่งให้ไปพบแพทย์ แต่เขายังคงปฏิเสธ

    มะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ถูกละเลย

    เมื่อเริ่มน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ผิวพรรณซีดเซียว เขาจึงยอมไปตรวจที่โรงพยาบาล ผลตรวจชิ้นเนื้อสร้างความตกใจให้ทั้งครอบครัว เพราะพบว่าเขาเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (rectal cancer)

    แพทย์แนะนำให้ผ่าตัดโดยเร็วและใช้วิธีการรักษาที่ทันสมัย ซึ่งมีโอกาสหายขาดมากกว่า 90%

    แต่แทนที่จะเชื่อแพทย์ นายเชียนกลับค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต และเข้าร่วมกลุ่มออนไลน์ที่สนับสนุนการรักษามะเร็งแบบ “ธรรมชาติ” ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้ที่ “รอดชีวิต” โดยอ้างว่าการรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติก (อาหารชีวจิต) ดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำดอกมะละกอช่วยรักษามะเร็งได้

    ละเลยการรักษาแพทย์ หันไปพึ่ง “หมอ Google”

    เขาตัดสินใจละทิ้งแผนการรักษาของแพทย์ และกลับบ้านเพื่อทำตามวิธีที่พบทางออนไลน์ โดยเน้นดื่มน้ำดอกมะละกอหมักกับรากไม้ต่าง ๆ เป็นประจำ นอกจากนี้ เขายังใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันอ่านบทความเกี่ยวกับ “การรักษามะเร็งโดยไม่ต้องทำคีโม” และสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเว็บไซต์ที่โฆษณาอย่างหนัก

    ช่วงแรกเขารู้สึกโล่งใจเพราะไม่ต้องเผชิญกับการผ่าตัดหรือทำเคมีบำบัด แต่สุขภาพของเขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งร่างกายอ่อนแออย่างหนักและต้องกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง

    โรครุนแรงขึ้น เสียโอกาสรักษา

    เมื่อถึงโรงพยาบาล พบว่าเนื้องอกขยายตัวจนใกล้แตก และลุกลามไปยังเยื่อบุช่องท้องและลำไส้ใหญ่ แพทย์แจ้งข่าวร้ายว่ามะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลาม โอกาสรักษาให้หายขาดลดลงไปมากกว่าช่วงที่ตรวจพบครั้งแรก

    ทีมแพทย์ต้องรีบผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อป้องกันการแตกของเนื้องอก และให้การดูแลแบบประคับประคองเพื่อยืดอายุของผู้ป่วย

    “น่าเสียดายที่เขาพลาดช่วงเวลาทองของการรักษา”

    ดร. ฮา ไฮ นัม (Ha Hai Nam) รองหัวหน้าภาควิชาศัลยกรรมช่องท้อง  กล่าวว่า “กรณีนี้เป็นตัวอย่างของผลลัพธ์ที่น่าเสียดายจากการปฏิเสธการรักษาทางการแพทย์” ผู้ป่วยต้องเผชิญกับการรักษาที่ยากลำบากและเจ็บปวดมากขึ้น และอัตราการรอดชีวิตต่ำลง

    ข้อมูลผิด ๆ บนอินเทอร์เน็ตกำลังทำร้ายผู้ป่วย

    ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากที่สามารถรักษาให้หายขาดได้หากได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรกและเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง

    อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากถูกชักจูงโดยข้อมูลที่ผิด ๆ บนอินเทอร์เน็ต พวกเขาเลือกใช้วิธีการรักษาที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และ “หมอเถื่อนออนไลน์” ก็ฉวยโอกาสหลอกขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยใช้คำโฆษณาเช่น “รักษามะเร็งโดยไม่ต้องทำคีโม”, “ฟื้นฟูสุขภาพภายใน 1 เดือน”, หรือ “อาหารเสริมที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้” ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์รองรับ

    “คนจำนวนมากเชื่อโฆษณาหลอกลวงเพราะพวกเขาหวาดกลัวการรักษาทางการแพทย์”

    ดร. นัมกล่าวว่ายังไม่มีตัวเลขสถิติที่แน่ชัด แต่พบว่าจำนวนผู้ป่วยที่ปฏิเสธการรักษาทางการแพทย์เพราะเชื่อโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาตกเป็นเหยื่อของแผนการตลาดที่ชัดเจนและมีเป้าหมาย ในขณะที่ข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกต้องแม่นยำกลับไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้ป่วยบางกลุ่มที่ต้องการวิธีรักษาที่ง่าย รวดเร็ว และราคาถูก

    แพทย์ยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากปัญหาของระบบสาธารณสุขเอง

    ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ให้เห็นว่า ปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล การต้องรอคิวนาน และบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนที่ขาดทัศนคติที่ดีต่อผู้ป่วย เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้คนหมดศรัทธาในระบบสาธารณสุข และเปิดโอกาสให้ข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงเข้ามาครอบงำ

    ปกป้องสุขภาพ = ต่อต้านข้อมูลผิด ๆ การปกป้องสุขภาพของผู้ป่วยไม่ใช่เพียงแค่การรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้กับข้อมูลเท็จที่แพร่กระจายไปทั่ว

    แพทย์ขอแนะนำให้ประชาชน “เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลชั้นนำ แทนที่จะเชื่อโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์รองรับ”

  • KUBET – สถิติหวยออก งวด 1 เมษายน ออกเลขไหนบ้าง เลขเด็ดงวดนี้ 1/4/68

    สถิติหวยออกย้อนหลัง เลขที่ออกในงวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี ซึ่งในแต่ละปีส่วนใหญ่ออกเลขอะไรบ้าง สรุปมาให้เพื่อนำไปเสี่ยงโชคลุ้นรางวัลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 เมษายน 2568 Sanook News ได้รวบรวม สถิติหวย เลขที่เคยออกวันที่ 1 เม.ย. ย้อนหลัง 10 ปี มาให้เหล่านักเสี่ยงโชคได้นำไปวิเคราะห์ตัวเลขกัน เลขไหนเด่น เลขไหนมาแรง ไปเช็กกันเลย

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2567

    • รางวัลที่ 1  803481
    • เลขหน้า 3 ตัว  122 809
    • เลขท้าย 3 ตัว  559 947
    • เลขท้าย 2 ตัว  90

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2566

    • รางวัลที่ 1 087907 
    • เลขหน้า 3 ตัว 914 111 
    • เลขท้าย 3 ตัว 290 698 
    • เลขท้าย 2 ตัว 99

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2565

    • รางวัลที่ 1 970618
    • เลขหน้า 3 ตัว 738, 391
    • เลขท้าย 3 ตัว 578, 870
    • เลขท้าย 2 ตัว 10

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2564

    • รางวัลที่ 1 472270
    • เลขหน้า 3 ตัว 755, 283
    • เลขท้าย 3 ตัว 393, 577
    • เลขท้าย 2 ตัว 05

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2563

    • รางวัลที่ 1 051095
    • เลขหน้า 3 ตัว 285, 430
    • เลขท้าย 3 ตัว 191, 364
    • เลขท้าย 2 ตัว 22

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2562

    • รางวัลที่ 1 109767
    • เลขหน้า 3 ตัว 888, 959
    • เลขท้าย 3 ตัว 403, 975
    • เลขท้าย 2 ตัว 52

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2561

    • รางวัลที่ 1 412073
    • เลขหน้า 3 ตัว 131, 787
    • เลขท้าย 3 ตัว 638, 924
    • เลขท้าย 2 ตัว 85

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2560

    • รางวัลที่ 1 392785
    • เลขหน้า 3 ตัว 057, 020
    • เลขท้าย 3 ตัว 500, 709
    • เลขท้าย 2 ตัว 80

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2559

    • รางวัลที่ 1 066720
    • เลขหน้า 3 ตัว 546, 390
    • เลขท้าย 3 ตัว 285, 852
    • เลขท้าย 2 ตัว 92

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2558

    • รางวัลที่ 1 605704
    • เลขท้าย 3 ตัว 558, 962, 557, 861
    • เลขท้าย 2 ตัว 70

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2557

    • รางวัลที่ 1 028866
    • เลขท้าย 3 ตัว 186, 499, 835, 938
    • เลขท้าย 2 ตัว 95

    สถิติหวย งวดวันที่ 1 เม.ย 2556

    • รางวัลที่ 1 571688
    • เลขท้าย 3 ตัว 170, 430, 670, 725
    • เลขท้าย 2 ตัว 53
  • KUBET – ชายวัย 47 จู่ๆ ตื่นมาหน้าอัมพาตครึ่งซีก หมอซักจนรู้สาเหตุ เพราะการอาบน้ำแบบนี้

    ชายวัย 47 ปี ตื่นมาหน้าอัมพาตครึ่งซีก ไม่ได้เป็นเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หมอซักจนรู้สาเหตุ เพราะการอาบน้ำแบบที่หลายคนชอบทำ

    เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.ดวน ดู มังห์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือดจากสมาคมหลอดเลือดเวียดนาม ได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายจะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

    ผู้ป่วยเป็นชายวัย 47 ปีจากฮานอย ประเทศเวียดนาม รู้สึกชาในครึ่งหน้าขวา ตากข้างขวาปิดไม่สนิท ปากเบี้ยว และน้ำตาไหลไม่หยุด เขาจึงวิตกกังวลเรื่องโรคหลอดเลือดสมองและรีบไปพบแพทย์

    หลังจากสอบถามประวัติ ผู้ป่วยบอกว่าเมื่อคืนก่อนเขาดื่มเหล้ากับเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน เมื่อกลับถึงบ้านแม้ว่าจะดึกแล้ว แต่เขายังคงอาบน้ำเพื่อให้ตัวเองสะอาด

    หลังจากอาบน้ำเขารู้สึกหนาวจึงไปนอนพัก และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบว่าใบหน้าซีกขวาของเขาเป็นอัมพาต ปากเบี้ยวจึงรีบไปหาหมอ

    จากผลการตรวจ MRI แพทย์ยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง แต่เป็นอัมพาตใบหน้าจากการได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลาย

    หลังจากนั้น ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มและการฝึกกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูเส้นประสาท

    อัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลาย เป็นภาวะที่ทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าลดลงหรือสูญเสียไป มักพบในฝั่งใดฝั่งหนึ่งของใบหน้า ทำให้ใบหน้าผิดรูป ส่งผลกระทบต่อการเรียน การเล่น การสื่อสาร การแสดงอารมณ์ที่ใบหน้า การกินและดื่ม และอาจมีผลกระทบต่อความสวยงามในระยะยาว

    นอกจากนี้ อาการนี้อาจส่งผลกระทบต่อดวงตา ฟัน กราม หู จมูก คอ และยังอาจทิ้งผลข้างเคียง เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อในครึ่งหนึ่งของใบหน้า

    สาเหตุของการเกิดอัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลาย ได้แก่ การสัมผัสความเย็นอย่างฉับพลัน การเจ็บป่วยจากโรคหู-จมูก-คอที่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี การบาดเจ็บที่กระดูกส่วนท้ายหู หรือบริเวณขมับ โรคที่เกี่ยวข้องกับกะโหลกศีรษะ เบาหวาน โรคหลอดเลือดแข็งตัว และความดันโลหิตสูง

    ผู้ป่วยที่มีอาการอัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลายมักมีอาการเช่น: ต่อมของน้ำตาทำงานไม่ดี หนังตาตก ตาแห้ง ไม่สามารถกระพริบหรือลืมตาได้ ปากข้างที่มีอาการอัมพาตยิ้มไม่ได้ หรือไม่สามารถปิดปากได้ น้ำลายไหล กล้ามเนื้อใบหน้าข้างที่มีอาการอัมพาตหย่อน หรือแข็งตัวผิดปกติ ปากเบี้ยวไปข้างหนึ่ง เจ็บที่มุมกราม กระดูกท้ายหู ขมับ หรือหู การรับรสเปลี่ยนไป และมีอาหารติดในปาก หรือการดื่มน้ำอาจหกออกมาได้ง่าย

    ทำไมไม่ควรอาบน้ำหลังดื่มแอลกอฮอล์?

    นพ.ดวน ดู มังห์ กล่าวว่า กรณีของผู้ป่วยอายุ 47 ปีที่เป็นอัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลายเกิดจากการสัมผัสความเย็นจากการอาบน้ำดึก โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้ป่วยดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้หลอดเลือดขยายตัว การอาบน้ำในช่วงดึกจึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดอัมพาตเส้นประสาท

    ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือด ยังกล่าวว่า การอาบน้ำหลังดื่มแอลกอฮอล์เป็นนิสัยที่อันตรายมาก เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการแตกของหลอดเลือด และการได้รับความร้อนจากการอาบน้ำอย่างกะทันหันจะยิ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจเสี่ยงได้

    แม้กระทั่งการอาบน้ำอุ่นหลังดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ควรทำ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำและการอาบน้ำอุ่นก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นการอาบน้ำอุ่นหลังดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น การอาบน้ำอุ่นอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเร็วขึ้น ส่งผลให้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มาถึงเร็วขึ้น

    จากกรณีของผู้ป่วยดังกล่าว นพ.ดวน ดู มังห์ แนะนำว่า ไม่ควรอาบน้ำหลัง 22.00 น. และหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ไม่ควรไปอาบน้ำ

    เพื่อป้องกันอัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลาย ควรหลีกเลี่ยงการเปิดแอร์เย็นหรือพัดลมที่เป่าลมตรงใบหน้า นอกจากนี้ ควรมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คอเลสเตอรอล ความดันโลหิต น้ำหนักตัว และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    นพ.ดวน ดู มังห์ ยังเตือนว่า หลังจากดื่มแอลกอฮอล์ หากมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาโดยเร็ว

  • KUBET – อ่านที่นี่! แปลจดหมาย “เซบาสเตียน ลี” สามี “ดิว อริสรา” แบบครบทุกคำ

    ท่ามกลางกระแสดราม่าที่ลุกลามเกี่ยวกับ “ดิว อริสรา” ประเด็นการยืมทรัพย์สินมูลค่า 62 ล้านของมหาเศรษฐี “เมย์ วาสนา” ทำให้หลายคนพุ่งเป้าไปที่สามีของเธอ “เซบาสเตียน ลี” ซึ่ง ล่าสุดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ่าตัวได้ออกมาโพสต์จดหมายยาวเป็นครั้งแรก หลังจากเก็บเงียบมานาน ท่ามกลางข้อสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ว่าตอนนี้ยังคงรักกันดีอยู่หรือไม่ จดหมายนี้มีเนื้อหาที่กล่าวถึงหลายประเด็นสำคัญทั้งเรื่องส่วนตัว การถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ และความปรารถนาที่จะปกป้องครอบครัวของเขา ซึ่งทุกคำทุกบรรทัดถูกแปลเป็นภาษาไทยให้คุณได้อ่านอย่างครบถ้วนในบทความนี้

    Dear Friends,
    ถึงเพื่อนๆ ทุกคน,

    Over the past couple of months, many news stories about me have been distorted, exaggerated, or written just to entertain the public and attract attention. Many headlines were created for clicks rather than the truth.

    ตลอดช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา มีข่าวมากมายเกี่ยวกับผมที่ถูกบิดเบือน เกินความจริง หรือเขียนขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับสาธารณชนและดึงดูดความสนใจ พาดหัวข่าวหลายๆ อันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ได้ยอดคลิกมากกว่าความจริง

    I also want to clarify why I have archived (not deleted) all my Instagram posts. The reason is simple—I have not personally made any posts in the last 2.5 years (only stories). I also feel that those memories are now private and personal to me, reminders of better days.
    ผมต้องการชี้แจงว่าทำไมผมถึงได้เก็บโพสต์บน Instagram ของผมทั้งหมดไว้เป็นแบบ archive (ไม่ได้ลบ) เหตุผลนั้นง่ายมาก—ผมไม่ได้โพสต์อะไรเองในช่วง 2.5 ปีที่ผ่านมา (โพสต์เฉพาะ stories) ผมรู้สึกว่าความทรงจำเหล่านั้นเป็นเรื่องส่วนตัวและพิเศษสำหรับผม เป็นเครื่องเตือนถึงวันที่ดีกว่า

    Because of this, I no longer wish to share them publicly. Those posts no longer represent who I am today. I have nothing to hide. I also archived all my pictures because Instagram, for me, became a hostile environment where I no longer felt comfortable sharing my life.

    ด้วยเหตุนี้ ผมไม่อยากแชร์สิ่งเหล่านั้นให้สาธารณชนเห็นอีกต่อไป โพสต์เหล่านั้นไม่ได้สะท้อนถึงตัวผมในปัจจุบันอีกต่อไป ผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง ผมเก็บรูปภาพทั้งหมดของผมไว้เป็น archive เพราะ Instagram สำหรับผม กลายเป็นสถานที่ที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งผมไม่รู้สึกสบายใจในการแชร์ชีวิตของตัวเองอีกต่อไป

    I grew tired of seeing pictures of my children, my parents, and myself being taken and used to create fake news, when in reality, we are very private people, apart from Due.

    ผมเบื่อกับการเห็นรูปภาพของลูกๆ พ่อแม่ และตัวผมเองถูกนำไปใช้สร้างข่าวปลอม ในความเป็นจริง เราเป็นคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ยกเว้นดิว

    I believe that everyone deserves privacy, even public people like Due. While being in the public eye may come with certain expectations, it’s important to remember that we are still individuals with the right to personal space and boundaries.
    ผมเชื่อว่าทุกคนสมควรได้รับความเป็นส่วนตัว แม้แต่คนสาธารณะอย่าง ดิว ในขณะที่การอยู่ในสายตาของสาธารณชนอาจมาพร้อมกับความคาดหวังบางประการ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าเรายังคงเป็นบุคคลที่มีสิทธิ์ในพื้นที่ส่วนตัวและขอบเขต

    Privacy is a fundamental human right that should be respected by all, regardless of someone’s status or occupation. No one should have their private life exposed without consent, and it is unfair for anyone to feel their moments with family and loved ones can be exploited for entertainment or sensationalism.

    ความเป็นส่วนตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่ทุกคนควรเคารพ ไม่ว่าใครจะมีสถานะหรืองานอะไร ไม่มีใครควรจะต้องถูกเปิดเผยชีวิตส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอม และมันไม่ยุติธรรมเลยที่ใครจะรู้สึกว่าช่วงเวลาของเขากับครอบครัวและคนที่รักจะถูกนำไปใช้เพื่อความบันเทิงหรือทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตเกินจริง

    I completely understand why there is interest in me, but I must be clear that I learned about everything from the news, just like everyone else. I had to filter out the truth from the lies, which has been a tedious and time-consuming process.

    ผมเข้าใจดีว่าทำไมผู้คนถึงสนใจในตัวผม แต่ผมต้องชี้แจงว่าผมรู้เรื่องทุกอย่างจากข่าว เหมือนกับทุกคน ผมต้องแยกแยะความจริงจากเรื่องโกหก ซึ่งเป็นกระบวนการที่เหนื่อยและใช้เวลามาก

    Even now, I still have not fully understood everything, especially due to language and cultural barriers.

    แม้แต่ตอนนี้ ผมก็ยังไม่เข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม

    One of the most absurd things I’ve been accused of is being involved in criminal activities. These accusations are completely false and unfounded.
    หนึ่งในข้อกล่าวหาที่ไร้สาระที่สุดที่ผมถูกกล่าวหาคือการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย ข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่เท็จและไม่มีมูลความจริงเลย

    First, I was linked to online gambling, then scam call centers, and now, I am being falsely associated with the sale of weapons. These stories have no basis in reality, and I am deeply shocked by the way I have been portrayed.
    ตอนแรก ผมถูกโยงไปกับการพนันออนไลน์ จากนั้นศูนย์บริการคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง และตอนนี้ ผมถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายอาวุธอย่างผิดๆ เรื่องเหล่านี้ไม่มีความเป็นจริงเลย และผมรู้สึกตกใจอย่างมากกับการที่ตัวผมถูกนำเสนอในลักษณะนี้

    What is being done is a clear case of character assassination, and I am not going to tolerate it anymore. These accusations are not only damaging but also harmful to my character and reputation. Everyone who knows me can vouch for me.
    สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือการทำลายชื่อเสียงอย่างชัดเจน และผมจะไม่ทนต่อเรื่องนี้อีกต่อไป ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อบุคลิกภาพและชื่อเสียงของผมอีกด้วย ทุกคนที่รู้จักผมสามารถยืนยันได้ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง

    I also want to address the ongoing speculation about my source of wealth. I am NOT wealthy. If I have anything, it comes from the love and support of my parents, who have worked hard throughout their lives to provide me with opportunities.
    ผมอยากจะชี้แจงเกี่ยวกับการคาดเดาที่ต่อเนื่องเกี่ยวกับแหล่งที่มาของความมั่งคั่งของผม ผมไม่ได้ร่ำรวย หากผมมีอะไรบ้าง สิ่งนั้นก็มาจากความรักและการสนับสนุนของพ่อแม่ของผม ที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิตเพื่อมอบโอกาสให้ผม

    My true wealth is in my children, who are healthy and thriving. That is what truly matters to me. The things I have today are because my parents worked hard and gave me the option to build my life the way I have. I never claimed to be wealthy, and I ask that people stop speculating about something that is simply not true.
    ความมั่งคั่งที่แท้จริงของผมอยู่ในลูกๆ ของผม ที่มีสุขภาพดีและกำลังเติบโต นั่นคือสิ่งที่มีความหมายกับผมจริงๆ สิ่งที่ผมมีในวันนี้เกิดจากการที่พ่อแม่ทำงานหนักและมอบทางเลือกให้ผมสร้างชีวิตของผมขึ้นมา ผมไม่เคยอ้างว่าผมร่ำรวย และผมขอให้ผู้คนหยุดคาดเดาในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง

    If I made a mistake, it may have been by flaunting my achievements a little too often. In an age dominated by social media, I didn’t fully realize that this was wrong, but now I have learned my lesson.
    ถ้าผมทำผิดพลาด อาจเป็นเพราะผมอวดความสำเร็จของตัวเองบ่อยเกินไป ในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์ครองอำนาจ ผมไม่ตระหนักเลยว่ามันผิด แต่ตอนนี้ผมได้เรียนรู้บทเรียนแล้ว

    Going forward, I will live my life quietly and be dedicated only to my family.
    จากนี้ไป ผมจะใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ และมุ่งมั่นที่จะอุทิศตนให้กับครอบครัวของผมเท่านั้น

    Due is the mother of my children, and she will forever be. I truly believe she will now do the right thing moving forward. I trust she will ask for forgiveness and repentance for any wrongdoings, and take the necessary steps to make things right.
    ดิว เป็นแม่ของลูกๆ ของผม และเธอจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ผมเชื่อจริงๆ ว่าเธอจะทำสิ่งที่ถูกต้องในอนาคต ผมเชื่อว่าเธอจะขออภัยและสำนึกผิดในสิ่งที่ทำผิดไป และจะทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้อง

    Every decision I make, including writing this letter, is for my children. They are my priority, and I only wish to protect them. Because of this, I would like to ask for privacy for my children and myself.
    ทุกการตัดสินใจของผม รวมถึงการเขียนจดหมายฉบับนี้ ล้วนทำเพื่อลูกๆ ของผม พวกเขาคือสิ่งสำคัญที่สุดของผม และผมแค่ต้องการปกป้องพวกเขา ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอความเป็นส่วนตัวให้กับลูกๆ ของผมและตัวผมเอง

    I also want to make it clear that I can only speak on my own behalf, not Due’s. She is an adult and will take responsibility for any consequences that may arise. I truly believe she never intended to cause harm or damage to anyone.
    ผมขอชี้แจงอีกครั้งว่า ผมสามารถพูดในนามของตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่ในนามของ ดิว เธอเป็นผู้ใหญ่และจะรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาใดๆ ผมเชื่อจริงๆ ว่าเธอไม่เคยตั้งใจที่จะทำร้ายหรือสร้างความเสียหายให้ใคร

    At this time, I am focusing on my personal matters and my family. I appreciate those who know me and continue to support me. For those who have questions, I hope we can find a way to understand each other with fairness and respect.
    ในขณะนี้ ผมกำลังมุ่งเน้นไปที่เรื่องส่วนตัวและครอบครัวของผม ผมขอบคุณทุกคนที่รู้จักและยังคงสนับสนุนผม สำหรับผู้ที่มีคำถาม ผมหวังว่าเราจะสามารถหาวิธีที่จะเข้าใจกันด้วยความยุติธรรมและเคารพซึ่งกันและกัน

    As for the false information spread by Facebook internet sleuths and others, I will be addressing and rebuking some of the lies being told in separate stories. It’s important that the truth is known, and I will take the time to correct the record where necessary.
    สำหรับข้อมูลเท็จที่ถูกเผยแพร่โดยผู้สืบสวนทางอินเทอร์เน็ตบน Facebook และอื่นๆ ผมจะตอบโต้และปฏิเสธคำโกหกที่ถูกเผยแพร่ในเรื่องราวต่างๆ มันสำคัญที่ความจริงต้องถูกเปิดเผย และผมจะใช้เวลาในการแก้ไขข้อมูลที่จำเป็น

    Thailand is a place I deeply love and respect. I am grateful for the kindness I have received, and I will always do my best to act with integrity.
    ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ผมรักและเคารพอย่างลึกซึ้ง ผมรู้สึกขอบคุณในความเมตตาที่ผมได้รับ และผมจะทำดีที่สุดเสมอเพื่อปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

    Thank you for your time and understanding.
    ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณและความเข้าใจ

    Sincerely,
    Sebastian

  • KUBET – “น้ำมันหอย” ทำจากอะไร? ทำจากหอยจริงไหม? แล้วทำไมต้องเป็น “หอย”

    น้ำมันหอย หรือ ซอสหอยนางรม : ทำจากอะไร และมีที่มาอย่างไร

    ซอสหอยนางรม (Oyster Sauce) เป็นเครื่องปรุงรสที่พบได้บ่อยในครัวเอเชีย โดยเฉพาะในอาหารจีนและไทย มีรสชาติกลมกล่อมและเพิ่มความหอมในจานอาหาร โดยเฉพาะอาหารผัดต่างๆ เช่น ผัดผักบุ้ง ผัดคะน้า และผัดซีอิ๊ว

    ซอสหอยนางรมทำจากอะไร?

    ส่วนผสมหลักของซอสหอยนางรมดั้งเดิมมาจาก “หอยนางรม” จริงๆ การผลิตซอสหอยนางรมแบบดั้งเดิมจะเริ่มต้นจากการนำน้ำที่ได้จากการต้มและเคี่ยวหอยนางรมจนได้ความเข้มข้น แล้วนำไปปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือ น้ำตาล และซีอิ๊วขาว หรือซีอิ๊วดำ บางสูตรยังเพิ่มแป้งมันสำปะหลังหรือแป้งข้าวโพดเพื่อช่วยให้ซอสข้นขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน มีการพัฒนาซอสหอยนางรมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถผลิตในปริมาณมากขึ้น ทำให้บางสูตรใช้การแต่งกลิ่นและรสชาติหอยนางรมเทียมแทนหอยนางรมจริงทั้งหมด หรือผสมหอยนางรมจริงเพียงเล็กน้อย โดยเติมสารปรุงรสและสารกันเสียเพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

    ทำไมต้องเป็น “ซอสหอยนางรม”?

    ชื่อ “ซอสหอยนางรม” มาจากแหล่งที่มาของส่วนผสมหลักคือหอยนางรม ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลที่มีรสชาติกลมกล่อมและมีกลิ่นเฉพาะตัว ความเค็มและความหวานของหอยนางรมเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับรสชาติอาหาร เครื่องปรุงชนิดนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวช่วยในการสร้างรสชาติอูมามิ หรือรสกลมกล่อมที่ชวนให้อาหารจานนั้นน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

    ที่มาของซอสหอยนางรม

    ซอสหอยนางรมมีต้นกำเนิดในประเทศจีน โดยเชื่อว่าถูกคิดค้นขึ้นโดยบังเอิญในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จากนาย Lee Kam Sheung ซึ่งเป็นพ่อครัวและเจ้าของร้านอาหารในมณฑลกวางตุ้ง มีเรื่องเล่าว่าในขณะที่เขากำลังต้มซุปหอยนางรมเพื่อเสิร์ฟให้ลูกค้า เขาลืมหม้อต้มไว้จนซุปหอยนางรมกลายเป็นซอสที่เข้มข้น จากนั้นเขาลองนำไปใช้ปรุงรสในอาหาร และผลลัพธ์คือรสชาติที่อร่อยและเป็นที่นิยม ทำให้ซอสหอยนางรมได้รับการเผยแพร่ออกไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก

    ในปัจจุบัน ซอสหอยนางรมไม่เพียงแต่เป็นส่วนประกอบหลักในอาหารจีนและไทยเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาใช้ในครัวหลายแห่งทั่วโลก เพราะความสามารถในการเพิ่มรสชาติอาหารโดยไม่ต้องปรุงรสเพิ่มมาก

  • KUBET – เปิดสาเหตุ สามีเลิก “ดิว อริสรา” เพจดังแฉต่อ ปิดตำนาน “สามีนางรวยมากนะ”

    สร้างความตกอกตกใจอยู่ไม่น้อย สำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ของดาราสาว ดิว อริสรา กับสามีหนุ่ม เซบาสเตียน ลี หลังถูกโยงว่าเป็นคู่รักที่เลิกกันแล้ว

    และเหมือนยิ่งเป็นการตอกย้ำ เนื่องจากในรายการ โหนกระแส ที่ ดิว อริสรา ได้โฟนอินเข้ามานั้น เจ้าตัวได้พูดถึงสามีในบางช่วงบางตอนว่า “ไม่ได้ปรึกษาค่ะ เขาไม่ได้มานั่งรับรู้เรื่องนี้ ในมุมหนู หนูรู้ว่ามันมีแค่ตัวหนู หนูเป็นคนก่อปัญหานี้ขึ้น อีกอย่างสามีเขาไม่ได้รับรู้ ส่วนตอนนี้เขารับรู้แล้ว เขาก็มีครอบครัวเขาที่มันเป็นระบบของครอบครัวเขา ส่วนตัวหนูเองหนูก็ต้องดิ้นรนต่อไปเอง ดังนั้นสิ่งที่หนูคาดหวังอย่างเดียวเลยจากสามี คือขอให้รักและดูแลลูกอย่างดี”

    ในเวลาต่อมา เซบาสเตียน ก็ได้ลบรูปภาพทั้งหมดออกจากอินสตาแกรมภายในระยะเวลาไม่นาน

    ทั้งนี้ทางด้านเพจดังอย่าง อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ลอยแพ แย่มาก ผช แบบนี้ ถ้าเรื่องนี้ส่วนตัวซ้อเห็นใจดิวนะ มีผัวเยี่ยงนี้”

    พร้อมกับย้ำว่า “เหยียบไว้นะคะ! เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ดิวมีปัญหาตอนนี้ แต่ ผช ใช้โอกาสนี้ปล่อยเบลอ”

    จากนั้นเพจดังกล่าวยังได้โพสต์ภาพ เซบาสเตียน นั่งเครื่องบินที่นั่งปกติ และเขียนแคปชั่น “ปิดตำนาน “สามีนางรวยมากนะ” เมื่อความจริงปรากฎต่างคน ต่างหลอก ต่างคนต่างบอกว่ารวย “เซบาสเตียน” กับการนั่งชั้น Economy Class ที่ไม่ใช่ First Class” และพิมพ์ในคอมเมนต์ต่อว่า “ทุกอย่างคือการเช่า บ้าน รถ คอนโด”