Blog

  • KUBET – นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ “วิธีต้มไข่ให้สุกพอดีทุกครั้ง” ลองดูว่าจะทำตามไหม

    ไข่ต้มสุกอาจเป็นหนึ่งในอาหารที่ทำง่ายที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในอาหารที่ทำยากที่สุดเช่นกัน (มีเหตุผลที่คุณเห็นเคล็ดลับการต้มไข่ต้มสุกมากมาย!) การต้มไข่ให้ได้ความสุกที่พอดี และทำให้ปอกเปลือกง่าย อาจต้องใช้การลองผิดลองถูกมากมาย และดูเหมือนว่าจะต้องอาศัยโชคช่วย
    แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพวกเขาอาจไขปริศนาวิธีการต้มไข่ต้มสุกให้สมบูรณ์แบบ ด้วยไข่แดงที่นุ่มละมุน และไข่ขาวที่แข็ง (แต่ไม่แข็งจนเกินไป!) ได้แล้ว และนี่คือเคล็ดลับต้มไข่สุกแบบวิทยาศาสตร์

    เคล็ดลับต้มไข่ต้มสุกแบบวิทยาศาสตร์

    นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบวิธีการต้มไข่ต้มสุกให้ได้ไข่แดงที่นุ่มละมุน และไข่ขาวที่แข็งกำลังดี โดยใช้วิธีที่เรียกว่า “การต้มแบบเป็นช่วงๆ” ซึ่งทำได้ดังนี้

    1.เตรียมไข่และน้ำ

    • นำไข่ที่เพิ่งออกจากตู้เย็นมาแช่ในน้ำอุ่นก่อน เพื่อป้องกันเปลือกไข่แตกจากความร้อนที่เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป
    • ต้มน้ำในหม้อให้เดือด

    2. ต้มไข่แบบเป็นช่วงๆ

    • นำไข่ไปต้มในน้ำเดือด 2 นาที
    • ย้ายไข่ไปแช่ในน้ำอุณหภูมิ 30.5 องศาเซลเซียสประมาณ 2 นาที
    • ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 และ 2 ไปเรื่อยๆ เป็นเวลาทั้งหมด 32 นาที

    3.ข้อควรระวัง

    • ต้องคอยควบคุมอุณหภูมิน้ำอุ่นให้คงที่ เพราะไข่ที่ร้อนจะทำให้อุณหภูมิน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    • ควรใช้น้ำปริมาณมากพอที่จะท่วมไข่ทั้งหมด เพื่อให้ไข่สุกทั่วถึง

    ผลลัพธ์ของไข่ต้มสุกแบบ “สมบูรณ์แบบ”

    หลังจากทำตามขั้นตอนการต้มไข่แบบสลับน้ำร้อนน้ำเย็น และคอยวัดอุณหภูมิเป็นเวลา 32 นาที ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจมาก ไข่ที่แช่ในน้ำอุณหภูมิห้อง (ประมาณ 25 องศาเซลเซียส) ในช่วง 2 นาทีสุดท้ายของการต้มนั้นเย็นลงและพร้อมปอกเปลือกทันทีที่หมดเวลา และที่น่าทึ่งคือเปลือกไข่หลุดออกมาง่ายมาก แทบจะหลุดออกมาเป็นชิ้นเดียวโดยไม่ต้องออกแรง (ปกติแล้ว เวลาปอกไข่ต้มสุก ไข่ขาวมักจะติดเปลือกและหลุดออกมาด้วยเสมอ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม)

    สรุปผลลัพธ์:

    • เปลือกไข่ปอกง่ายมาก แทบจะหลุดออกมาเป็นชิ้นเดียว
    • ไข่ขาวสุกกำลังดี ไม่แข็งกระด้าง
    • ไข่แดงมีลักษณะนุ่มละมุน ไม่แห้ง

    รสชาติและเนื้อสัมผัสของไข่ต้มสุกแบบ “สมบูรณ์แบบ”

    แล้วรสชาติและเนื้อสัมผัสของไข่ต้มสุกแบบนี้เป็นอย่างไร? เมื่อปอกเปลือกออก ไข่ต้มสุกที่ได้จะมีความนุ่มกว่าไข่ต้มสุกแบบดั้งเดิมเล็กน้อย แต่เมื่อผ่าออกมา จะเห็นได้ชัดว่าไข่สุกกำลังดี ไข่ขาวนุ่มแต่แน่น (ไม่มีเนื้อสัมผัสเหมือนยาง!) และไข่แดงนุ่มละมุนและอร่อยมาก สรุปได้ว่า นี่อาจเป็นหนึ่งในไข่ต้มสุกที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมา

    สรุปผลลัพธ์ด้านรสชาติและเนื้อสัมผัส

    • ไข่ขาว:
      • นุ่มแต่แน่น ไม่เหนียวเหมือนยาง
      • สุกกำลังดี ไม่แข็งกระด้าง
    • ไข่แดง:
      • นุ่มละมุน ไม่แห้ง
      • รสชาติอร่อย

    ข้อสังเกต:

    • ไข่ต้มสุกด้วยวิธีนี้มีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากไข่ต้มสุกแบบดั้งเดิม
    • รสชาติของไข่แดงนั้นเข้มข้นและอร่อยเป็นพิเศษ
  • KUBET – “คารีสา-แพร” ประชันอวดท้องใหญ่ คอมเมนต์ถล่ม ตั้งท้องกันตอนไหนแต่สวยมาก

    มีคอนเทนต์เก๋ๆ มาเสิร์ฟให้ได้ติดตามกันอยู่เสมอ สำหรับนักแสดงสาว คารีสา สปริงเก็ตต์ จนทำให้หลายคนตกหลุมรักในความโก๊ะๆ น่ารักๆ ของเธออย่างไม่รู้ตัว

    ล่าสุด คารีสา ได้เผยคลิปขณะกำลังประชันท้องใหญ่คู่กับเพื่อนสนิท แพร์ พิชชาภา โดยได้หมุนให้เห็นกันแบบทุกมุมทุกองศาไปเลย

    งานนี้แฟนๆ ต่างเข้ามาคอมเมนต์กันกระหน่ำ อาทิ “เอ้า ละนึกว่าคาริสาท้อง”, “กำลังจะเมนต์บอกคาริสาท้องแล้วสวยสุดๆ”, “แล้วคาริสา เหมือนมากกกก”, “นึกว่าเราจะเป็นแค่คนเดียวที่มีพุงหลังกินอิ่ม คนสวยๆเขาก็มี เอาล่ะสบายใจกินต่อ”, “คาริสา เหมือนมากกก”, “คิดไปไกลแล้วน่ะพร้อมตั้งชื่อน้องแล้วน่ะคาริ” เป็นต้น

    ซึ่งทางด้าน คารีสา เอง ได้เขียนในคลิปเป็นการเฉลยไว้แล้วว่า “POV: เมื่อฉันคิดว่าตัวเองท้อง (ไม่ถูก), กินเยอะ (ถูก)”

     

  • KUBET – “อย่ากดชักโครกขณะขับถ่าย” สิ่งที่ทำกันเป็นประจำ มันอันตรายกว่าที่คิด

    หลายคนอาจเผลอกดชักโครกระหว่างขับถ่ายเพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมนี้อาจทำให้คุณเผชิญกับเชื้อโรคมากกว่าที่คิด

    ทำไมการกดชักโครกขณะขับถ่ายถึงเสี่ยงต่อสุขภาพ?

    1. ระเบิดเชื้อโรคสู่ร่างกาย

    เมื่อกดชักโครก น้ำจะสร้างแรงดันอากาศ ทำให้เชื้อโรค เช่น อีโคไล, ซัลโมเนลลา และ โนโรไวรัส ฟุ้งกระจายไปในอากาศได้ไกลถึง 6 เมตร และสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานถึง 2 ชั่วโมง

    เชื้อโรคเหล่านี้อาจตกลงบนพื้นผิวต่างๆภายในห้องน้ำ และสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัส ส่งผลให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหารและการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

    g2. ขัดขวางระบบขับถ่าย

    เสียงกดชักโครกอาจรบกวนระบบประสาทและส่งผลต่อกล้ามเนื้อหูรูด ทำให้เกิดอาการ อยากถ่ายไม่สุด ซึ่งหากเกิดขึ้นบ่อยๆ อาจส่งผลให้ลำไส้ใหญ่ไวต่อสิ่งเร้าลดลง และนำไปสู่ อาการท้องผูกเรื้อรัง

    3. ฝาชักโครกไม่ใช่ตัวช่วยป้องกัน 100%

    แม้ว่าการปิดฝาชักโครกจะช่วยลดการกระจายของละอองน้ำ แต่หากเป็นพื้นที่ปิด อากาศภายในห้องน้ำจะทำให้เชื้อโรคสะสมและเข้มข้นขึ้น

    20151110lnp1-toilet

    วิธีใช้ห้องน้ำอย่างถูกสุขลักษณะ

    – เปิดพัดลมดูดอากาศก่อนเข้าห้องน้ำ เพื่อลดความชื้นและการสะสมของเชื้อโรค

    – ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำหลังขับถ่าย เพื่อลดการกระจายของเชื้อโรค

    – ทำความสะอาดฝารองนั่ง ด้วยแผ่นเช็ดฆ่าเชื้อก่อนใช้งาน

    – ล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 30 วินาที ทุกครั้งหลังใช้ห้องน้ำ

    n

    ห้องน้ำสาธารณะ – แหล่งสะสมเชื้อโรคที่ต้องระวัง

    ปุ่มกดชักโครก: มีเชื้อโรคมากกว่าปุ่มกดโทรศัพท์ถึง 7 เท่า

    ลูกบิดประตู: พื้นที่สัมผัสร่วมที่มักเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย

    เครื่องเป่ามือ: ลมร้อนสามารถพัดพาเชื้อโรคให้ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องน้ำ

    ก๊อกน้ำ: จุดที่เชื้อโรคชอบเกาะตัว โดยเฉพาะห้องน้ำที่มีน้ำขัง

    file

    คำแนะนำเพื่อสุขอนามัยที่ดี

    – พกสเปรย์ฆ่าเชื้อและเจลล้างมือแอลกอฮอล์ 75% ติดตัวไว้เสมอ

    – หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของในห้องน้ำสาธารณะโดยตรง

    – ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้ห้องน้ำ

    ความสะอาดของห้องน้ำไม่ได้ขึ้นอยู่กับสุขภัณฑ์ แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา

    การทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการสะสมของเชื้อโรคและช่วยป้องกันโรคภัยต่างๆ การใช้ห้องน้ำอย่างถูกวิธี ไม่เพียงช่วยให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย

  • KUBET – หมอประชาเผย “ทุกๆ 6 นาทีคนไทยตายจากมะเร็ง 1 คน” เตือน 4 สาเหตุ ทำตัวเองทั้งนั้น

    หมอประชาเผย “ทุกๆ 6 นาทีคนไทยตายจากมะเร็ง 1 คน” เตือน 4 สาเหตุที่ทำให้ป่วยมาจากพฤติกรรม “ทำตัวเองทั้งนั้น”

    (3 เม.ย.68) นพ.ประชา กัญญาประสิทธิ์ หรือเจ้าของเพจหมอประชาผ่าตัดสมอง หมอผ่าตัดสมอง ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กเพื่อเตือนภัยผู้คน เกี่ยวกับ “โรคมะเร็ง” โดยระบุข้อความว่า…. 

    “ทุกๆ 6 นาที มีคนตายจากมะเร็ง 1 คน และมี  3 แสนกว่าคน นอนรอความตายจากมะเร็ง ซึ่งส่วนใหญ่ 95% เกิดจากการทำตัวเองทั้งนั้น  

    สาเหตุแรกมาจากพฤติกรรมการกิน  

    ข้อที่ 1 อาหารพวกของแห้ง  

    เช่น ถั่ว กระเทียม หรือกุ้งแห้ง ที่อาจมี “ราดำ” ขึ้นมา ซึ่งราดำเป็นตัวการที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ และมะเร็งชนิดนี้ถือว่าเป็นมะเร็งอันดับ 1 ของคนไทย ที่เป็นมากที่สุด 

    ข้อที่ 2  ของปิ้ง-ย่าง   

    สำหรับสิ่งนี้จะมีสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชั้นดี ทำให้เกิดมะเร็งตับ กระเพาะลำไส้ เต้านม และปอด  

    ข้อที่ 3 น้ำมันที่ไว้ใช้ทอดซ้ำๆ  

    โดยเฉพาะ แป้งปลาท่องโก๋ มีสาร อะคริลาไมด์ ซึ่งก่อมะเร็ง  

    ข้อที่ 4  อาหารแปรรูป  

    จำพวก ไส้กรอก, โบโลน่า, แหนม ซึ่งมีสารไนโตรซามีน ก่อมะเร็ง อยู่ในของจำพวกนี้  

    ข้อที่ 5  ของหมักดอง หรือของสุกๆ ดิบๆ  

    จำพวก ปลาร้า,ปลาส้ม, ปลาจ่อม  พวกนี้มีสารแอมโมเนียมไนเตรท และ มีพยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็ง  

    ข้อที่ 6  สารปนเปื้อนในอาหาร 

    เช่น ผักที่มียาฆ่าแมลง , สารกันบูดที่มากเกินไป  อาจทำให้เกิดมะเร็งตับเละลำไส้   

    หมอประชาได้บอกอีกว่า อาหารดังกล่าวถ้าทำเองต้องล้างให้ดี ปรุงให้สุกจะดีที่สุด 

    สาเหตุที่ 2 มาจากอารมณ์ 

    ถ้ามีอาการ เครียด,หงุดหงิด,พักผ่อนน้อย อาจทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง และเซล์ลมะเร็งในร่างกายก็จะเริ่มเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น  

    สาเหตุที่ 3 คือ บุหรี่ 

    ซึ่งมีสารก่อมะเร็งเป็นร้อยชนิด โดยเฉพาะ มะเร็งปอด  ที่อาจไม่ได้มีผลกระทบแต่กับแค่ผู้สูบแต่ยังมีผลกระทบแก่คนรอบข้างอีกด้วย  

    สาเหตุที่ 4 คือ เหล้า, แอลกอฮอล์ 

    สิ่งนี้ทำให้เกิดการอักเสบทางร่างกาย มีพิศอย่างมากต่อตับทำให้เกิดมะเร็ง 

    ทั้งนี้ก็ยังมีอีก 5% ที่มะเร็งมาจากพันธุกรรม  เช่นมะเร็งเต้านม, มะเร็งรังไข่, มะเร็งลำไส้, ไทรอยด์, ตับอ่อน  

    เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเป็นมะเร็ง ก็หลีกเลี่ยง 4 อย่างนี้แล้วออกกำลังกาย ช่วยได้ในการลดความเครียด  ไม่ต้องไปพึ่งเหล้าแล้วบุหรี่เพื่อลดการอักเสบของร่างกาย สรุปแล้วต้องระวังเรื่องอาหาร และสารปนเปื้อนที่อยู่ในอาหาร รวมถึงความเครียด เหล้า บุหรี่ และออกกำลังกายเป็นสูตรป้องกัน จะได้ไม่ป่วยเป็นมะเร็ง 

     

  • KUBET – กษัตริย์ผู้มี “ชีวิตเซ็กซ์” อันลือลั่น กับตำนานสั่งทำ “เก้าอี้ร่วมรัก” ทายถูกไหมว่าพระองค์ใด?

    ชีวิตเซ็กซ์อันลือลั่นของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และตำนาน “เก้าอี้เซ็กซ์”

    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 (King Edward VII) หรือที่รู้จักในฉายา “Dirty Bertie” เป็นหนึ่งในกษัตริย์แห่งอังกฤษที่มีชื่อเสียงจากชีวิตส่วนตัวอันฉาวโฉ่ โดยเฉพาะรสนิยมทางเพศที่ไม่ธรรมดาและความหลงใหลในความสุขสำราญ เรื่องราวของเขากลายเป็นตำนานที่เล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน โดยหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โด่งดังคือ “เก้าอี้เซ็กซ์” หรือ siège d’amour ซึ่งสะท้อนถึงบุคลิกและวิถีชีวิตอันฟุ่มเฟือยของพระองค์

    ชีวิตรักและมเหสีของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7

    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 มีชื่อเสียงจากการมีมเหสีและคู่รักมากมาย แม้จะทรงอภิเษกสมรสกับ เจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเดนมาร์ก (Princess Alexandra of Denmark) แต่การแต่งงานนี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าความรัก เจ้าหญิงอเล็กซานดรา ทรงทราบถึงพฤติกรรมของพระสวามีและยอมรับอย่างเงียบๆ หนึ่งในคู่รักที่โดดเด่นที่สุดคือ อลิซ เคปเปล (Alice Keppel) ซึ่งมีบทบาทสำคัญทั้งในชีวิตส่วนตัวและราชสำนัก นอกจากนี้ยังมีคู่รักคนอื่นๆ เช่น ลิลลี่ แลงทรี (Lillie Langtry) นักแสดงสาวชื่อดัง และ เจนนี่ เชอร์ชิลล์ (Jennie Churchill) มารดาของวินสตัน เชอร์ชิลล์ ซึ่งสะท้อนถึงเสน่ห์และความสัมพันธ์ที่กว้างขวางของพระองค์

    พฤติกรรมทางเพศและรสนิยมอันเย้ายวน

    ในช่วงที่ยังทรงดำรงตำแหน่งเจ้าชายแห่งเวลส์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ทรงเป็นที่รู้จักจากความชื่นชอบสถานบันเทิงยามค่ำคืนและซ่องหรู โดยเฉพาะ Le Chabanais ในกรุงปารีส ซึ่งเป็นสถานที่โปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงมีรสนิยมที่หลากหลายและเปิดกว้าง ซึ่งสอดคล้องกับยุค Edwardian Era ที่สังคมเริ่มยอมรับเรื่องเพศมากขึ้น น้ำหนักตัวของพระองค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายพระชนม์ (รอบเอวประมาณ 48 นิ้ว) อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้พระองค์แสวงหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางกายภาพอย่างสะดวกสบาย

    ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7

    แม้ชีวิตส่วนตัวของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากบางกลุ่ม แต่พระองค์ยังคงเป็นที่รักของประชาชน ด้วยบุคลิกที่เปิดเผย เข้าถึงได้ง่าย และบทบาททางการทูตที่สำคัญ เช่น การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฝรั่งเศสผ่าน Entente Cordiale การครองราชย์ของพระองค์สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมในยุค Edwardian Era ที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราและความทันสมัย

    ต้นกำเนิดของเก้าอี้เซ็กซ์

    หนึ่งในตำนานที่เล่าขานเกี่ยวกับ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 คือการสร้าง “เก้าอี้เซ็กซ์” หรือ siège d’amour ซึ่งถูกสั่งทำในช่วงที่พระองค์ยังทรงเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ เก้าอี้นี้ถูกออกแบบและสร้างโดย หลุยส์ ซูบรีเย (Louis Soubrier) ช่างทำเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังแห่งกรุงปารีส ลักษณะของเก้าอี้ประกอบด้วยโครงสร้างพิเศษที่มีที่พักเท้าและเบาะปรับได้ เพื่อรองรับการมีเพศสัมพันธ์ในตำแหน่งที่หลากหลายและสะดวกสบาย ซึ่งสะท้อนถึงความฟุ่มเฟือยและรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ของพระองค์

    บทบาทและการใช้งานของเก้าอี้

    เก้าอี้เซ็กซ์ถูกจัดวางไว้ในห้องส่วนตัวของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ที่ Le Chabanais ซ่องหรูในกรุงปารีส ซึ่งพระองค์ใช้เป็นสถานที่พบปะคู่รักในรูปแบบที่หลากหลาย เก้าอี้นี้ถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนพระองค์ โดยเฉพาะเมื่อน้ำหนักตัวที่มากขึ้นทำให้การเคลื่อนไหวมีข้อจำกัด เก้าอี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเย้ายวนและความพิถีพิถันในชีวิตส่วนตัวของพระองค์

    ชะตากรรมของเก้าอี้เซ็กซ์

    หลังจาก พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 สวรรคตในปี 1910 เก้าอี้เซ็กซ์ยังคงอยู่ที่ Le Chabanais จนกระทั่งซ่องแห่งนี้ปิดตัวลงในปี 1946 ตามกฎหมายฝรั่งเศสที่สั่งปิดสถานบริการทั่วประเทศ ต่อมาเก้าอี้ถูกขายในการประมูลส่วนตัว และปัจจุบันมีการจัดแสดงแบบจำลองในพิพิธภัณฑ์ เช่น Sex Machines Museum ในกรุงปราก ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

    บทสรุป

    ชีวิตเซ็กซ์อันลือลั่นและตำนานเก้าอี้เซ็กซ์ของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงความซับซ้อนของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ เรื่องราวเหล่านี้ไม่เพียงเผยให้เห็นมิติส่วนตัวของพระองค์ แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจบริบททางวัฒนธรรมและสังคมในยุค Edwardian Era ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

  • KUBET – ชื่อเด็ก ปี 2568 ความท้าทายคนเป็นครู ชื่อนี้อ่านว่าอะไรนะลูก

    เรียกว่ากลายเป็นความท้าทายในการทำงานของคุณครูยุคนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อคุณครูต้องมาเจอกับชื่อเด็กปี 2568 ที่เห็นแล้วบอกได้คำเดียวเลยว่า ทำครูลำบากใจแบบสุดๆ

    เรื่องราวความฮาในครั้งนี้ถูกแชร์โดยผู้ใช้งาน TikTok บัญชี mint_08_mint โดยคุณครูได้แชร์คลิปสุดฮา ที่กำลังเช็กทะเบียนรายชื่อประจำปี 2568

    โดยในคลิปคุณครูได้บรรยายเพิ่มเติมว่า “อ่านว่าจั่งได๋พี่น้อง ปีที่แล้วสอนคนพี่ว่าอ่านยากแล้ว ปีนี้เจอคนน้อง ตาแตกเลย” ซึ่งในคลิปก็จะเห็นได้ว่า น้องมีชื่อว่า “เด็กชาย รรรรชตชัชช์” ชื่อเล่นว่า “น้องตื่นเต้น”

    หลังจากที่คลิปของคุณครูได้ถูกแชร์ออกไปก็เรียกได้ว่ากลายเป็นไวรัล ที่มียอดเข้าชมมากกว่า 400,000 ครั้ง ภายใน 10 ชั่วโมง และยังมีคอมเมนต์ที่เข้ามาช่วยกันแกะชื่อว่า ชื่อจริงน้องอ่านว่าอะไรกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “รัน ระ ชะ ตะ ชัด ประเด็นอยู่ที่ ตอนเขียนชื่อตัวเองมีนั่งร้องไห้บ้างแหละ”, “ชื่อจริงยังไม่เก็ต ชื่อเล่นก็ตื่นเต้นซะแล้ว” รวมไปถึง “ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น”

    เด็กชาย รรรรชตชัชช์เด็กชาย รรรรชตชัชช์
    เด็กชาย รรรรชตชัชช์เด็กชาย รรรรชตชัชช์
    เด็กชาย รรรรชตชัชช์เด็กชาย รรรรชตชัชช์
    เด็กชาย รรรรชตชัชช์เด็กชาย รรรรชตชัชช์

  • KUBET – สรุปม้วนเดียวจบ เงินดิจิทัลเฟส 3 เฟส 4 อัปเดตวันโอนเงิน 10,000 บาท เมื่อไหร่

    เงินดิจิทัลเฟส 3 และเงินดิจิทัลเฟส 4 อัปเดตวันโอนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เมื่อไหร่ เช็กที่นี่

    ความคืบหน้าการแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 วงเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้กลุ่มอายุ 16-20 ปี กว่า 2.7 ล้านคน ล่าสุดมีความคืบหน้าดังนี้

    แจกเงินดิจิทัลเฟส 3 เมื่อไหร่?

    • กระทรวงการคลัง ยืนยันที่จะจ่ายเงิน 10,000 ในไตรมาส 2 ระหว่าง เดือน เม.ย.– มิ.ย. 68

    แจกเงินดิจิทัลเฟส 4 วันไหน?

    • กลุ่มที่มีอายุ 21-59 ปี ที่ลงทะเบียนเงินดิจิทัลผ่านแอปฯ ทางรัฐ สำเร็จ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 67 รัฐบาลจะโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตให้เฟส 4 ก็ต่อเมื่อ แจกเงินดิจิทัลเฟส 3 สำเร็จเรียบร้อยแล้ว

    กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ต้องทำอย่างไรถึงจะได้เงิน 10,000 บาท?

    • รอรัฐบาลประกาศเงื่อนไขเพื่อลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ เบื้องต้นได้เปิดเผยสถานที่ลงทะเบียนเงินดิจิทัลเฟส 5 ไว้แล้ว ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธ.ก.ส. , ธอส. และที่ทำการไปรษณีย์ไทย

    สรุป : เงินดิจิทัลเฟส 3 เฟส 4 และกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน รอรายละเอียด และประกาศจากกระทรวงการคลัง

  • KUBET – ลูกทำความสะอาดบ้าน เจอแหวนทอง 20 วงในถังขยะ โทรถามแม่ ได้คำตอบสุดช็อก

    ลูกสาวทำความสะอาดบ้าน เจอแหวนทอง 20 วงในถังขยะในห้องแม่ เมื่อโทรถาม กลับได้คำตอบสุดช็อก 

    เมื่อเร็วๆ นี้ โลกออนไลน์ของเเวียดนามฮือฮากับเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ช่วยแม่ทำความสะอาดบ้าน แล้วบังเอิญพบแหวนทองจำนวนมากในถังขยะ

    เธอโพสต์ เล่าว่า “แม่ไม่อยู่บ้าน เลยขยันลุกมาทำความสะอาด ดันเจอของดีซะงั้น จากนี้มีแรงบันดาลใจให้ขยันเก็บบ้านขึ้นเยอะ” พร้อมแนบภาพทองที่พบ

    โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองพุ่งสูง หลายคนแซวว่า “แบบนี้ต้องขยันทำความสะอาดบ้านบ้างแล้ว”

    เจ้าของเรื่องราวนี้คือ คุณหุ่ยตู่ จังหวัดเกียนซาง เธอเล่าให้ VietNamNet ฟังว่า พบทองจำนวนนี้เมื่อวันที่ 2 เมษายน ขณะกำลังทำความสะอาดบ้าน 

    วันนั้นแม่ของเธอเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อไหว้บรรพบุรุษ เธอจึงถือโอกาสเก็บกวาดบ้าน เมื่อลองกวาดใต้เตียงของแม่ ก็พบถังขยะใบหนึ่ง เธอคิดว่าแม่คงใช้ทิ้งซองยา เพราะมักต้องกินยาเป็นประจำ จึงหยิบถังขยะไปเททิ้ง

    แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน เมื่อลองเปิดดู ก็ต้องตกตะลึง ข้างในมีแหวนทองน้ำหนัก 1, 2 และ 5 สลึง รวมกันเกือบ 20 วง

    คุณตู่รีบโทรหาแม่ทันทีเพื่อบอกเรื่องที่เจอ แต่กลับต้องประหลาดใจกับคำตอบของแม่ “ถ้าเจอที่ไหนก็เอากลับไปวางไว้ที่เดิม แล้วขับรถกลับมารับแม่ที่บ้านเดี๋ยวนี้เลย”

    เธอต้องพยายามเกลี้ยกล่อมแม่ว่าเธอจะเก็บทองไว้อย่างดี และขอให้แม่อยู่ที่บ้านต่างจังหวัดให้ครบช่วงเทศกาลเช็งเม้งก่อนค่อยกลับมา

    แม่ของคุณตู่ปีนี้อายุ 74 ปี และชอบซื้อทองสะสม เธอเองก็มักซื้อทองเป็นของขวัญให้แม่ในโอกาสพิเศษตลอดทั้งปี เธอรู้ว่าแม่ชอบซ่อนทองไว้ตามที่ต่างๆ ในบ้าน แต่ไม่เคยถามถึง จนกระทั่งมาพบกับตาตัวเองว่าครั้งนี้แม่ซ่อนทองไว้ในถังขยะ

  • KUBET – หมอไต้หวัน แนะผลไม้ที่มหาเศรษฐีกิน มันคือ “ซูเปอร์ฟู้ด” คนไทยรู้จักดี ปลูกกันหลายบ้าน

    ทริกการกินเพื่อสุขภาพจากผู้ก่อตั้งบริษัทระดับโลก หมอแนะนำ ช่วยปกป้องลำไส้และป้องกันมะเร็ง คนไทยรู้จักดี แถมปลูกกันหลายบ้าน

    จากกรณีเรื่องราวของ มอร์ริส จาง ผู้ก่อตั้งบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (TSMC) ผู้วางรากฐานให้กับโรงงานผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลก ที่กิน “มะละกอ” เพื่อการดูแลสุขภาพ จนได้รับความสนใจจากสื่อมากมาย 

    มะละกอลดการอักเสบ ช่วยป้องกันมะเร็ง

    ดร.จาง เจียหมิง หัวหน้าภาควิชาพันธุศาสตร์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป ระบุบนเฟซบุ๊กว่า มะเร็งเกิดจากการอักเสบเรื้อรังที่ทำลายเซลล์ จนกระทบต่อพันธุกรรมและกลายเป็นเนื้องอก เช่น กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังอาจพัฒนาเป็นมะเร็งกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบเรื้อรังเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ แม้แต่ไขมันพอกตับก็อาจนำไปสู่มะเร็งตับได้

    มะละกอมีฤทธิ์ต้านการอักเสบตามธรรมชาติ อุดมไปด้วยสารสำคัญอย่างฟลาโวนอยด์ โพลีฟีนอล เบต้าแคโรทีน และวิตามินซี ซึ่งช่วยลดการอักเสบ โดยงานวิจัยพบว่าสารเหล่านี้สามารถยับยั้ง “NF-κB” ตัวการหลักของการอักเสบ การกินมะละกอจึงเปรียบเสมือนการดับไฟให้ร่างกาย ฟื้นฟูเซลล์ให้กลับมาแข็งแรง

    นอกจากนี้ เบต้าแคโรทีนยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ส่วนวิตามินซีช่วยปกป้อง DNA ป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ จึงช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้ตั้งแต่ต้นทาง

    picmamba.com

    มะละกอช่วยดูแลลำไส้ เสริมสร้างจุลินทรีย์ดีในร่างกาย

    ลำไส้ไม่ได้เป็นเพียงอวัยวะย่อยอาหาร แต่ยังเป็นศูนย์กลางของระบบภูมิคุ้มกัน นักวิทยาศาสตร์พบว่า ยิ่งมีจุลินทรีย์ดีในลำไส้มากเท่าไร การอักเสบในร่างกายก็ลดลง ภูมิคุ้มกันจึงแข็งแรงขึ้นและสามารถต่อต้านเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ไฟเบอร์ในมะละกอไม่เพียงช่วยระบบขับถ่าย แต่ยังเป็นพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ที่ช่วยให้จุลินทรีย์ดีเติบโตและอาศัยอยู่ในลำไส้ได้ยาวนาน ทำให้ลำไส้แข็งแรง ลดการอักเสบ และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้

    นอกจากนี้ มะละกอหมัก (Fermented Papaya) มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่ามะละกอทั่วไป และช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้เชื้อไม่ดีไม่มีโอกาสเติบโต จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาลำไส้แปรปรวนหรือระบบทางเดินอาหารไวต่อสิ่งกระตุ้น เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง

  • KUBET – “โบว์ เมลดา” ถูกถามตรงๆ เป็นคนอีสานจริงหรือเปล่า ตอบกลับชัดมาก

    ยกให้เป็นสาวมากความสามารถเลยจริงๆ สำหรับ โบว์-เมลดา สุศรี ที่นอกจากเรื่องการแสดงฝีมือจะขาดแบบไม่ต้องพูดถึงแล้ว เธอยังร้องเพลงได้อย่างไพเราะ ที่สำคัญยังกลายเป็นที่รักของใครหลายคน เพราะความสดใสและอารมณ์ดีอีกด้วย

    ล่าสุดในขณะที่ โบว์ เมลดา กำลังไลฟ์สดพูดคุยกับแฟนๆ อยู่นั้น ก็ได้มีคนคำมาคอมเมนต์ถามว่า “เป็นคนอีสานจริงหรือเปล่า?”

    ซึ่ง โบว์ เมลดา ก็ได้ตอบให้หายคล่องใจทันที “ถ้าถามว่าเป็นคนอีสานจริงหรือเปล่า ต้องตอบว่าจริง เพราะว่าพ่อเป็นคนขอนแก่นนะคะ แม่เป็นคนนครพนม ก็ลูกอีสานนั่นแหละค่ะ เป็นอีสาน 100 เปอร์เซ็นต์ค่ะ”

    “แต่ถ้าคนถามหนูว่าเกิดที่ไหน เป็นคนที่ไหน ก็ต้องบอกว่าเป็นคนกรุงเทพฯ เพราะเกิดกรุงเทพฯ”

    “แต่ในใจอะ อีสาน 100 เปอร์เซ็นต์เด้อจ้า”